มวลกล้ามเนื้อน้อย หรือ กล้ามเนื้อพร่อง (Sarcopenia)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 19 มีนาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรค/ภาวะอะไร? พบบ่อยไหม?
- มวลกล้ามเนื้อน้อยมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- มวลกล้ามเนื้อน้อยมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยโรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยได้อย่างไร?
- รักษามวลกล้ามเนื้อน้อยอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- โรคมวลกล้ามเนื้อน้อยรุนแรงไหม?
- ป้องกันโรคมวลกล้ามเนื้อน้อยได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ผู้สูงอายุ (Older person)
- ความหนาแน่นมวลกระดูก (BONE MINERAL DENSITY)
- เดินเซ (Ataxia)
- กระดูกหัก (Bone fracture)
- โรคกล้ามเนื้อ โรคระบบกล้ามเนื้อ (Muscle disease)
- กระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ (Hip Fractures in Senile)
- ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ (Intracranial hemorrhage)
- โรคเอนซีดี กลุ่มโรคเอนซีดี กลุ่มโรคไม่ติดต่อ (NCDs: Noncommunicable diseases)
- บวมน้ำ (Edema)
บทนำ: คือโรค/ภาวะอะไร? พบบ่อยไหม?
มวลกล้ามเนื้อน้อย(Sarcopenia) คือ โรคกล้ามเนื้อที่เกิดจากการเสื่อมและลดลงของมวลกล้ามเนื้อทั่วตัวอย่างต่อเนื่องมักจากความชรา ส่งผลให้การทำงานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อค่อยๆลดลงเรื่อยๆ อาการที่พบบ่อยคือ ความแข็งแรงกล้ามเนื้อของ มือ แขน ขา เท้า ลำตัว ค่อยๆลดลง ส่งผลให้หยิบจับของได้ไม่มั่นคง(ของตกหล่นง่าย), เดินช้าลง, เดินเซจากกล้ามเนื้อลำตัวและขาไม่แข็งแรงส่งผลให้เกิด’ล้มได้บ่อย’ ซึ่งเป็นสาเหตุเกิดอุบัติเหตุจากล้มที่รุนแรง เช่น กระดูกหักโดยเฉพาะกระดูกข้อมือ ขา และสะโพก, และ/หรือศีรษะกระแทกจนเกิดภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ เกิดการนอนติดเตียง และการตายได้สูง
มวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง พบทั่วโลก และพบสูงขึ้นเรื่อยๆจากประชากรโลกมีอายุขัยยืนยาวขึ้น เกือบทั้งหมดเกิดในผู้สูงอายุ เพศชายพบสูงกว่าเพศหญิงประมาณ2เท่า ทั่วโลกมีรายงานพบประมาณ 5-13%ในอายุช่วง60-70ปี, และมากกว่า50%ในช่วงอายุที่มากกว่า 80 ปี
อนึ่ง: Sarcopenia มาจากภาษากรีก โดย Sarco แปลว่า กล้ามเนื้อที่หมายถึง 'กล้ามเนื้อลาย' หรืออีกชื่อคือ’กล้ามเนื้อโครงร่าง’, ส่วนPenia แปลว่า ลดน้อย ลดต่ำ พร่อง ไม่เพียงพอ
มวลกล้ามเนื้อน้อยมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
สาเหตุของโรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อย แพทย์ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากหลายๆการศึกษา เชื่อว่าเกิดจากหลายสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงหลายประการร่วมกัน ที่สำคัญ ได้แก่
- อายุ: เพราะผู้ป่วยเกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ จากการเสื่อมตามธรรมชาติของเซลล์ทุกชนิดของร่างกายตามอายุที่รวมถึงเซลล์กล้ามเนื้อ
- ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงลดระดับลงของระดับฮอร์โมนต่างๆที่เกี่ยวกับการเจริญแข็งแรงของเซลล์โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศ และ ฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโต(Human growth hormone /ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง)
- อาหาร: เพราะผู้สูงอายุมักมีปัญหาจากการบริโภคที่ได้รับอาหารโปรตีนไม่เพียงพอ ทั้งจาก สภาพฟัน สภาพระบบทางเดินอาหาร/การดูดซึมและการย่อย, การดูแลช่วยเหลือตนเองด้านการหาอาหาร/ปรุงอาหาร, โรคประจำตัวต่างๆโดยเฉพาะโรคในกลุ่มโรคเอนซีดี, ขาดคนดูแล, และปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะทำงานหาเงินเองไม่ได้
- มีการเคลื่อนไหวร่างกายลดถอยลง(การใช้ชีวิตแบบนั่งๆนอนๆ), ขาดการออกกำลังกาย, เพราะการเคลื่อนไหว/การใช้กล้ามเนื้อเป็นปัจจัยสำคัญช่วยกระตุ้นการทำงานและความแข็งแรงของเซลล์กล้ามเนื้อ
- การเสื่อมของระบบประสาทที่รวมถึงสมองและที่สำคัญคือระบบเส้นประสาทส่วนปลายที่ควบคุมและกระตุ้นการทำงานของเซลล์/เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อให้มีประสิทธิภาพ ที่ปัจจุบันเชื่อว่า ปัจจัยนี้สำคัญที่สุด
- การเสื่อมของเซลล์ในกระบวนการสันดาปโปรตีนเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานที่จะช่วย คงปริมาณและประสิทธิภาพการทำงานของมวลกล้ามเนื้อ
ทั้งนี้ มวลกล้ามเนื้อจะเริ่มค่อยๆลดลงตั้งแต่ช่วงอายุประมาณ 40 ปี โดยอัตราการลดลงประมาณ3-8%ใน10ปี และอัตราลดลงจะเร็วมากขึ้นในช่วงอายุประมาณ60-70ปี ซึ่งการลดลงของมวลกล้ามเนื้อจะลดลงทั้งปริมาณและขนาดของเนื้อเยื่อเส้นใยกล้ามเนื้อ ซึ่งจะส่งผลให้มัดกล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลงร่วมกับการลดลงในประสิทธิภาพการทำงานและความแข็งแรง
มวลกล้ามเนื้อน้อยมีอาการอย่างไร?
อาการของโรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อย เกิดกับกล้ามเนื้อลาย/กล้ามเนื้อโครงร่างทุกส่วนของร่างกาย ที่มักเห็นเด่นชัดและเห็นอาการได้ชัดเจนที่สุด คือ กล้ามเนื้อด้านหน้าของต้นขา รองลงไปคือ กล้ามเนื้อมือ โดยอาการที่พบบ่อยได้แก่
- น้ำหนักตัว: ผู้ป่วยโรคนี้ ‘ไม่’สัมพันธ์กับน้ำหนักตัว อาจ ปกติ ผอม หรือ อ้วน ก็ได้
- กล้ามเนื้อทั่วตัวอ่อนแรง
- ที่มักเห็นอาการชัดเจนก่อนกล้ามเนื้อมัดอื่นๆ คือ กล้ามเนื้อขา โดยเฉพาะกล้ามเนื้อต้นขามัดด้านหน้า, อาการที่พบ เช่น เดินช้าลง มีปัญหาการขึ้นบันได การลุกยืนจากที่ๆนั่งอยู่/จากเก้าอี้ ยืนได้ไม่นาน
- รองลงมาคือกล้ามเนื้อมือ มือจะหยิบจับของได้ไม่แน่นเหมือนเดิม สิ่งของจะหกหล่น ตก แตกหักเสียหายง่ายผิดปกติ
- เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ/มัดกล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ลีบ นิ่ม เหลวกว่าเดิม
- ใช้กล้ามเนื้อได้ไม่นาน ต้องพัก เช่น ยืน เดิน ใช้มือในการทำงานต่างๆ
- เสียการทรงตัวง่าย มักเกิดการเซ/เดินเซโดยเฉพาะขณะลุกขึ้น และ/หรือเคลื่อนเคลื่อนไหว
- บางคนอาจมีอาการบวมน้ำ โดยเฉพาะที่ ขา เท้า จากภาวะโปรตีนในเลือด/ในร่างกายต่ำจากขาดอาหารกลุ่มโปรตีน
- มักร่วมกับ โรคกระดูกบาง/กระดูกพรุน กระดูกจึงหักง่ายโดยเฉพาะเมื่อล้มแม้ล้มไม่รุนแรง
ผลข้างเคียง:
ผลข้างเคียงจากโรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อย ที่สำคัญที่สุด คือ
- อุบัติเหตุจากการล้มที่กระดูกหักง่าย ที่รุนแรงคือ กระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ
- และ/หรือ เมื่อศีรษะกระแทก จะส่งผลเกิดภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ ซึ่งส่งผลรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตจนอาจเกิด ภาวะนอนติดเตียง และยังเป็นสาเหตุถึงตายได้
ผลข้างเคียงอื่นๆ คือผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตจนอาจถึงขั้นดูแลตนเองตามลำพังไม่ได้เพราะมีข้อจำกัดในการ เดิน นั่ง เดินทาง เคลื่อนไหวร่างกาย ต้องมีคนช่วยเหลือดูแล ช่วยพยุง ซึ่งการมีขีดจำกัดในการเคลื่อนไหวร่างกายจะยิ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้อัตราเกิดมวลกล้ามเนื้อน้อยเพิ่มสูงขึ้นและในระยะเวลารวดเร็วขึ้น
ปัจจุบัน โรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อยจึงกลายเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก เพราะประชากรสูงอายุทวีจำนวนขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลา
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อเริ่มมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ จึงควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันความรุนแรงและเพื่อลดอัตราเร่งในการเกิดโรค/ภาวะนี้
แพทย์วินิจฉัยโรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยได้อย่างไร?
แพทย์มักวินิจฉัยโรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อยได้จากลักษณะทางคลินิกของผู้ป่วย คือ อายุ, อาการต่างๆ, ร่วมถึงการมีโรคประจำตัวในกลุ่มโรคเอนซีดี ร่วมกับการตรวจร่างกาย
นอกจากนี้ อาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อยืนยันโรคหรือเพื่อการวินิจฉัยแยกโรคทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วย, ความผิดปกติที่พบจากการตรวจร่างกาย, และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ตรวจหาความหนาแน่นมวลกระดูก เพราะโรคนี้มักเกิดร่วมกับโรคกระดูกพรุน กระดูกบาง
- การตรวจเฉพาะทางต่างๆเพื่อประเมินความแข็งแรงและการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น การตรวจอัตราความเร็วของการเดิน, การตรวจความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือในการหยิบ จับ กำสิ่งของ
รักษามวลกล้ามเนื้อน้อยอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อยมีจุดมุ่งหมายในการดูแลรักษาเพื่อให้คงปริมาณมวลกล้ามเนื้อที่เพียงพอต่อการทำงาน ร่วมกับการดูแลรักษาให้กล้ามเนื้อแข็งแรงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่เป็นตัวเพิ่มอัตราเร่งของการเกิดมวลกล้ามเนื้อน้อยตามธรรมชาติของการเสื่อมของเซลล์กล้ามเนื้อตามอายุ ซึ่งวิธีรักษาทั่วไปได้แก่
ก. การออกกำลังกาย: โดยเฉพาะด้วยวิธีที่เรียกว่า Resistance-based physical therapy ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลรักษาจาก นักกายภาพบำบัด แพทย์ และพยาบาล ซึ่งต้องปฏิบัติสม่ำเสมอตลอดไป
ข. อาหารและอาหารเสริม: ได้แก่
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกมื้ออาหาร และเพิ่มอาหารโปรตีนให้มากพอ
- แพทย์บางท่าน อาจแนะนำอาหารเสริม เช่น ในกลุ่มกรดอะมิโนชนิด Leucine ที่เชื่อว่าช่วยเสริมการสร้างและเพิ่มความแข็งแรงของมวลกล้ามเนื้อ เช่น Hydroxymethylbutyrate (HMB) ชื่อเต็ม คือ Beta-hydroxy beta- methylbutyrate
ค. ใช้ยารักษาโรค: ซึ่งมีหลายกลุ่มยา ทั่วไป เช่น
- ฮอร์โมนต่างๆ: เช่น
- การเสริมฮอร์โมนเพศหญิงในผู้ป่วยสตรีวัยหมดประจำเดือน
- การเสริมฮอร์โมนเพศชายเพื่อช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ เช่น เทสทอสเทอโรน
- เสริมฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโต(HGH)ซึ่งเป็นฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง
ง. ป้องกัน รักษา ควบคุมโรคประจำตัวโดยเฉพาะในกลุ่มโรคเอนซีดี(อ่านรายละเอียดโรคนี้จากเว็บ haamor.com)
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีโรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อย ที่สำคัญคือ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของ แพทย์ นักกายภาพบำบัด พยาบาล
- ออกกำลังกายตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดและแพทย์ต่อเนื่องตลอดชีวิต เพราะโรคนี้เป็นโรคเรื้อรังที่ปัจจัยเกิดฯที่สำคัญที่สุดคือ การเสื่อมตามอายุของเซลล์กล้ามเนื้อ
- ต้องเลิกใช้ชีวิตนั่งๆนอนๆ ต้องมีการเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆตลอดทั้งวัน
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกมื้ออาหาร และเพิ่มอาหารโปรตีนในทุกมื้ออาหารให้มากพอ ซึ่งรวมถึงโปรตีนทั้งจากสัตว์และจากพืช
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
โรคมวลกล้ามเนื้อน้อยรุนแรงไหม?
โรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อย เป็นโรคที่ดูแลรักษาป้องกันได้ หรืออย่างน้อยสามารถป้องกันความรุนแรงของและลดอัตราเกิดโรคฯได้ในระดับที่ยังคงประสิทธิภาพและปริมาณของกล้ามเนื้อที่ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ แต่การดูแลรักษา(ดังกล่าวในหัวข้อ การรักษาฯ)ต้องทำอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิต ซึ่งจะช่วยให้คงคุณภาพชีวิตได้อย่างดี รวมถึงลดโอกาสเกิดการล้ม และเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจากการล้ม เช่น กระดูกหักโดยเฉพาะกระดูกสะโพกหักในผู้สูงอายุ, และอัมพาตจากภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะจากล้มศีรษะกระแทก ที่เป็นสาเหตุของ การนอนติดเตียง และ/หรือถึงตายได้
ป้องกันโรคมวลกล้ามเนื้อน้อยได้อย่างไร?
โรค/ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย/กล้ามเนื้อพร่อง/กล้ามเนื้อน้อยเป็นโรค/ภาวะที่ป้องกันได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคนี้ ที่สำคัญคือ
- ไม่ใช้ชีวิตแบบนั่งๆนอนๆ ต้องมีการเคลื่อนไหว(Physical activity)สม่ำเสมอตลอดเวลา
- ออกกำลังกายทุกวันตามควรกับสุขภาพ ตลอดชีวิต
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน
- เมื่อเข้าวัยผู้สูงอายุควรเพิ่มอาหารโปรตีนให้มากพอในทุกมื้ออาหาร
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตรวจสุขภาพปุกปี
- ป้องกัน ควบคุมกลุ่มโรคเอนซีดีให้ได้ดี
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Sarcopenia [2022,March19]
- https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2405580821000856 [2022,March19]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4269139/ [2022,March19]
- https://www.healthline.com/health/sarcopenia [2022,March19]
- https://www.thelancet.com/article/S0140-6736(19)31138-9/fulltext [2022,March19]
- https://bmcendocrdisord.biomedcentral.com/articles/1186/s12902-019-0432-x [2022,March19]