ภาวะขาดสังกะสี (Zinc deficiency)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 1 พฤษภาคม 2562
- Tweet
- บทนำและแหล่งอาหาร
- สังกะสีมีประโยชน์อย่างไร?
- คนทั่วไปต้องการสังกะสีวันละเท่าไร?
- มีผลข้างเคียงจากกินสังกะสีมากเกินไปไหม?
- ภาวะขาดสังกะสีมีสาเหตุจากอะไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดสังกะสี?
- ภาวะขาดสังกะสีมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยภาวะขาดสังกะสีอย่างไร?
- รักษาภาวะขาดสังกะสีอย่างไร?
- ภาวะขาดสังกะสีรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไร?ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันภาวะขาดสังกะสีอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- ยาขับปัสสาวะ (Diuretics Drugs)
- ลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคไอบีดี (Inflammatory bowel disease: IBD)
- ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน (Diarrhea)
- โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease)
- โรคตับแข็ง (Liver cirrhosis)
- โรคติดเชื้อ ภาวะติดเชื้อ (Infectious disease)
- มะเร็ง (Cancer)
บทนำและแหล่งอาหาร
ภาวะขาดสังกะสี (Zinc deficiency หรือ Hypozincemia) เป็นภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับปริมาณเกลือแร่ ‘สังกะสี (Zinc)’ ต่ำกว่าความต้องการของร่างกายอย่างต่อเนื่อง
จากการศึกษาพบว่า ประมาณ 1ใน 4 ถึง 1ใน 3 ของประชากรโลกจะมีภาวะขาดสังกะสี ซึ่งพบในทุกอายุ ตั้งแต่ทารกในครรภ์ไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยเพศหญิงและเพศชายมีโอกาสเกิดได้ใกล้เคียงกัน
สังกะสี(Zinc) เป็นเกลือแร่ /แร่ธาตุ (Mineral) ที่มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก รองลงมาจากธาตุเหล็ก
แหล่งอาหาร:
สังกะสี มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ใน หอย ปู เนื้อสัตว์ต่างๆโดยเฉพาะในเนื้อแดง(เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) เนื้อเป็ด ธัญพืช (เช่น ถั่วต่างๆ) ถั่วกินฝัก ลูกนัทต่างๆ ในนม โยเกิร์ต และซีเรียลที่เสริมอาหารด้วยสังกะสี แต่มีน้อยใน ปลา ผัก และผลไม้
สังกะสีมีประโยชน์อย่างไร?
สังกะสี มีหน้าที่/ประโยชน์ต่างๆมากมายในการช่วยให้เซลล์ต่างๆทั่วร่างกายทำงานและเจริญเติบโตได้อย่างปกติ เช่น
- ช่วยการทำงานของเอนไซม์ (Enzyme)ต่างๆถึงประมาณร้อยกว่าชนิดโดยเฉพาะเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของร่างกาย
- ช่วยร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรค
- ช่วยการเสริมสร้างโปรตีน
- ช่วยการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต
- ช่วยการสร้างสารพันธุกรรมดีเอนเอ (DNA)
- ช่วยให้เซลล์แบ่งตัวได้อย่างปกติจึงช่วยให้เนื้อเยื่อต่างๆเจริญเติบโตได้อย่างปกติโดยเฉพาะ ทารกในครรภ์ วัยเด็ก วัยรุ่น และในช่วงตั้งครรภ์
- ช่วยในการเจริญเติบโตของไข่ และของอสุจิ
- ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่บาดเจ็บเสียหาย จึงมีส่วนสำคัญช่วยการสมานแผลต่างๆให้หายได้อย่างรวดเร็ว และ
- ช่วยเซลล์ในการรับรสชาติอาหารและการได้กลิ่นต่างๆ
คนทั่วไปต้องการสังกะสีวันละเท่าไร?
ตามคำแนะนำสำหรับคนทั่วไปต่อปริมาณสังกะสีที่ควรบริโภคต่อวัน (DRI, Dietary reference intakes) ของสถาบันการแพทย์แห่งชาติ แห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Nutrition Board, Institute of Medicine, National Academies) ค.ศ. 2011 คือ
มีผลข้างเคียงจากกินสังกะสีมากเกินไปไหม?
ผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อน หรือโทษ ที่พบได้บ่อยจากการกินสังกะสีเสริมอาหารมากเกินไป คือ
- คลื่นไส้อาเจียน
- ปวดท้องเรื้อรัง
- ภูมิคุ้มกันต้านทานโรค ต่ำลง
- มีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะสูงขึ้น (โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ)
- ลดระดับไขมันชนิดดีในเลือดให้ต่ำลง
ภาวะขาดสังกะสีมีสาเหตุจากอะไร?
ภาวะขาดสังกะสี มักมีสาเหตุจาก ได้รับสังกะสีจากอาหารไม่เพียงพอ, มีโรคที่ทำให้ร่างกายสูญเสียสังกะสีมากเกินปกติ, และร่างกายมีภาวะต้องการสังกะสีเพิ่มมากกว่าปกติ
ก. การได้รับสังกะสีจากอาหารไม่เพียงพอ: ที่พบบ่อยคือ
- ในคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ เช่น มังสวิรัติ หรือ
- มีโอกาสกินเนื้อสัตว์น้อยหรือไม่ได้กินจากปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือ
- ในคนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/สุราเป็นประจำเนื่องจากคนกลุ่มนี้มักมีโรคขาดอาหาร หรือมีภาวะทุโภชนา
ข. ร่างกายสูญเสียสังกะสีมากผิดปกติ/ดูดซึมรังสีจากอาหารได้น้อย: เช่น
- ลำไส้ดูดซึมสังกะสีได้น้อยจากโรคเรื้อรังต่างๆของลำไส้เล็ก(สังกะสีถูกดูดซึมในตำแหน่งของลำไส้เล็ก) เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือมีภาวะท้องเสียเรื้อรัง หรือ
- มีโรคไตเรื้อรัง ส่งผลให้ไตขับสังกะสีออกทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น หรือ
- กินยาบางชนิดที่เพิ่มการขับสังกะสีออกจากร่างกาย เช่น ยาขับปัสสาวะ/ยาขับน้ำในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง หรือในภาวะหัวใจล้มเหลว หรือ
- ติดสุราเรื้อรัง ซึ่งสุรา/แอลกอฮอล์จะส่งผลให้มีการปัสสาวะมาก สังกะสีจึงถูกขับออกมากตามไปด้วย
ค. ร่างกายมีภาวะต้องการสังกะสีเพิ่มกว่าปกติ: คือ ภาวะที่ร่างกายกำลังมีการเจริญเติบโต เช่น
- การตั้งครรภ์
- ทารกในครรภ์
- ในเด็ก
- ในวัยรุ่น
ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดสังกะสี?
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดสังกะสี ได้แก่
- มีโรคเรื้อรังของกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น ท้องเสียเรื้อรัง หรือ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- มีโรคเรื้อรังของ ตับ ไต และ ผู้ป่วยมะเร็ง เพราะโรคเหล่านี้มักเป็นสาเหตุให้ขาดอาหาร
- ภาวะขาดอาหาร เช่น กินอาหารไม่มีประโยชน์ หรือจากภาวะทางเศรษฐกิจ หรือขาดคนดูแล เช่น ในเด็กเล็ก หรือในผู้สูงอายุ
- กินอาหารมังสวิรัติ เพราะดังได้กล่าวแล้วว่า สังกะสีจะมีมากในอาหารโปรตีนจากสัตว์ และมีน้อยใน ผัก และผลไม้
- ในหญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีความต้องการใช้สังกะสีสูงขึ้น
- ทารกอายุมากกว่า 6 เดือนไปแล้วที่ยังกินนมแม่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้อาหารเสริมที่เหมาะสม เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเด็กต้องการสังกะสีเพิ่มขึ้นในการเจริญเติบโต
- ผู้ป่วยโรคเลือดชนิดที่เกิดจากพันธุกรรมที่เรียกว่า โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle cell disease/ โรคมีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง) เพราะจะส่งผลให้ร่างกายมีความต้องการใช้สังกะสีสูงขึ้น
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/สุราเรื้อรัง เพราะแอลกอฮอล์จะลดการดูดซึมสังกะสีในลำไส้ และทำให้ไตขับสังกะสีออกทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น รวมทั้งคนที่ดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง มักมีภาวะขาดอาหารร่วมด้วยเสมอ
- โรคทางพันธุกรรมที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสังกะสีได้ (เป็นโรคพบได้น้อยมากๆ) เรียกว่า โรค Acrodermatitis enteropathica โดยอาการคือ มีท้องเสียเรื้อรัง ผมร่วง และมีผื่นผิวหนังในบริเวณรูเปิดต่างๆของร่างกาย เช่น รอบช่องปาก รอบจมูก รอบทวารหนัก รวมทั้งที่ หนังศีรษะ มือ และเท้า
ภาวะขาดสังกะสีมีอาการอย่างไร?
อาการจากภาวะขาดสังกะสี เป็นอาการไม่จำเพาะ เป็นอาการที่คล้ายคลึงกับอาการจากขาดอาหารทั่วๆไป หรืออาการจากโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม อาการจากขาดสังกะสีที่พบได้บ่อย คือ
- คลื่นไส้
- เบื่ออาหาร
- ท้องเสียเรื้อรัง
- ผมร่วง
- ลิ้นอักเสบ
- เล็บเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะฝ่อลีบ หรือเป็นจุดขาวๆ
- ในผู้ชาย อาจมีปัญหาในการแข็งตัวของอวัยวะ/ นกเขาไม่ขัน และอัณฑะเจริญไม่เต็มที่ (Hypogonadism)
- สายตาเห็นภาพไม่ชัดเจน
- การรับรสชาติและการได้กลิ่นผิดปกติ
- มีปัญหาด้านความจำ
- อาจมีผื่นขึ้นตามผิวหนังส่วนต่างๆของร่างกาย
- อาจมีสิวมากผิดปกติ
- เมื่อมีแผล แผลอาจหายช้า
- มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ จึงติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะโรคปอดอักเสบ/โรคปอดบวม
- ในเด็ก รวมทั้งทารกในครรภ์ จะเจริญเติบโตช้ากว่าวัย
แพทย์วินิจฉัยภาวะขาดสังกะสีอย่างไร?
การวินิจฉัยภาวะขาดสังกะสี มักเป็นการวินิจฉัยทางคลินิก เพราะการตรวจสืบค้นเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือดดูปริมาณสังกะสี อาจไม่สัมพันธ์กับอาการของผู้ป่วย
การวินิจฉัยทางคลินิก คือ การวินิจฉัยโรคจาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ คือ
- อาการของผู้ป่วย
- ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและในปัจจุบัน
- ประวัติการใช้ยาต่างๆ
- ประวัติพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- การกินอาหาร
- อยู่ในกลุ่มปัจจัยเสี่ยงหรือไม่ และร่วมกับ
- การตรวจร่างกาย
- นอกจากนั้น คือ การวินิจฉัยด้วยการรักษา (Therapeutic diagnosis) โดยแพทย์จะให้การรักษาด้วยสังกะสีเสริมอาหาร ร่วมกับกินอาหารที่มีสังกะสีสูง และการรักษาสาเหตุต่างๆ เช่น รักษาภาวะท้องเสียเรื้อรัง เป็นต้น ถ้าอาการต่างๆดีขึ้น ซึ่งมักดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน แพทย์ก็จะสรุปการวินิจฉัยว่า อาการผู้ป่วยเกิดจากภาวะขาดสังกะสี
- ปัจจุบัน สามารถตรวจหาปริมาณสังกะสีในร่างกายได้จาก การตรวจเลือด และการตรวจปัสสาวะ แต่ยังเป็นเทคนิคที่ซับซ้อน มีค่าใช้จ่ายสูง และ ให้การตรวจได้เฉพาะโรคพยาบาลขนาดใหญ่บางโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางครบทุกสาขา
รักษาภาวะขาดสังกะสีอย่างไร?
แนวทางการรักษาภาวะขาดสังกะสี คือ
- การให้ยาสังกะสีเสริมอาหารซึ่งมักเป็นการกิน เช่นยา Zinc sulfate
- การให้อาหารกินที่มีปริมาณสังกะสีสูง และ
- การรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น รักษาภาวะท้องเสียเรื้อรัง หรือโรคไตเรื้อรัง เป็นต้น
ภาวะขาดสังกะสีรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
ภาวะขาดสังกะสี เป็นภาวะไม่รุนแรง สามารถรักษาให้หายได้ ผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ
- เมื่อเกิดการขาดสังกะสีในทารก และในเด็ก จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารก และของเด็ก
- นอกจากนั้น คือ การมีโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆได้สูงขึ้นจากมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคที่ต่ำลง
ดูแลตนเองอย่างไร?ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเอง คือ เมื่อมีอาการเรื้อรังผิดปกติต่างๆดังกล่าวในหัวข้อ”อาการฯ” ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ เพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุ
ส่วนเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่า ขาดสังกะสี การดูแลตนเอง คือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- กินอาหารตาม แพทย์ พยาบาล และ/หรือโภชนากร แนะนำตลอดไป ซึ่งโดยทั่วไป คือ อาหารในกลุ่มที่มีสังกะสีสูง
- กินยา/เกลือแร่เสริมอาหารต่างๆให้ครบถ้วนถูกต้องตาม แพทย์แนะนำ ไม่ขาดยา
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- รักษา ควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุให้ได้ดี
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
- ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ
- อาการต่างๆเลวลง และ/หรือ
- มีอาการใหม่ที่ผิดปกติไปจากเดิม และ/หรือ
- เมื่อมีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น คลื่นไส้มาก และ/หรือ
- เมื่อกังวลในอาการ
ป้องกันภาวะขาดสังกะสีอย่างไร?
การป้องกันภาวะขาดสังกะสี ที่สำคัญ คือ
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน โดยเฉพาะโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และถ้าต้องการกินอาหารมังสวิรัติ ควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล หรือเภสัชกร เพื่อการเสริมอาหารด้วยสังกะสี และรวมถึง
- ไม่ติดสุรา/เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- นอกจากนั้น คือ
- ป้องกัน รักษา ควบคุม โรคที่เป็นสาเหตุ โดยเฉพาะโรค/ภาวะต่างๆที่จะทำให้เกิดภาวะขาดอาหารหรือทุโภชนา เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง, โรคตับแข็ง, โรคไตเรื้อรัง เป็นต้น
บรรณานุกรม
- Hambidge, M. (2000). Zinc and health: current status and future direction. J Nutr.130, 1344s-1349s.
- Saper, R., and Rash, R. (2009). Zinc: an essential micronutrient. Am Fam Physician. 79, 768-772.
- http://nationalacademies.org/hmd/~/media/Files/Activity%20Files/Nutrition/DRI-Tables/5Summary%20TableTables%2014.pdf?la=en [2019,April13]
- https://www.healthguidance.org/entry/15319/1/Zinc-Deficiency-Symptoms-and-Health-Benefits.html [2019,April13]
- https://ods.od.nih.gov/factsheets/Zinc-HealthProfessional/ [2019,April13]
- http://www.ndhealthfacts.org/wiki/Zinc [2019,April13]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Zinc_deficiency [2019,April13]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK56068/table/summarytables.t3/?report=object only [2019,April13]