พาร์กินสัน:ตอนที่ 7 อย่าแอบทานยา

พาร์กินสัน-7


“สวัสดีครับ วันนี้อาการเป็นอย่างไรบ้างครับคุณป้า” เป็นคำทักทายที่ผมพูดกับคุณป้าท่านหนึ่งที่เป็นโรคพาร์กินสัน รักษากันมาได้ประมาณเกือบ 2 ปี ทุกครั้งที่ป้ามาก็มากับลูกชาย แต่วันนี้มากับหลานชายครับอายุไม่ถึง 10 ขวบ เพราะลูกชายไม่ว่างพามา เนื่องจากมาก่อนนัด ลูกชายไม่สามารถลางานได้ทัน ผมมักจะเป็นคนที่สั่งยาให้กับผู้ป่วยตรงตามจำนวนพอดีมากเลย เรียกว่าจะไม่สั่งให้เหลือ อย่างมากก็ 90 วัน สำหรับการนัด 12 สัปดาห์ เผื่อไว้แค่ 6 วัน ดังนั้นถ้าเกิดการใช้ยาผิดพลาด ผมจะทราบได้ทันที คือ ผู้ป่วยจะมาก่อนนัด

“ป้าก็ไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่หรอกหมอ มือก็ยังสั่นๆ ทำอะไรไม่ค่อยคล่อง เดินก็ไม่สะดวกเหมือนเดิม หมอช่วยให้ป้าดีกว่านี้อีกหน่อยก็ดี” ผู้ป่วยได้เล่าให้ผมฟังว่ายังไม่ดีเท่าไหร่ ก็ไม่ผิดคาดมากนัก เพราะผู้ป่วยมาก่อนนัด ผมพยายามสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมว่าทำไมผู้ป่วยถึงมาก่อนนัด แต่ก็ไม่ได้คำตอบ จึงได้พยายามสอบถามประวัติการทานยา เนื่องจากผมได้ให้คุณป้าทานยา 1 ใน 4 เม็ด 3 เวลาหลังอาหาร เดือนหนึ่งก็ต้องใช้ประมาณ 23 เม็ด เมื่อผมให้ยาไป 3 เดือนประมาณ 70 เม็ด แล้วทำไมผู้ป่วยได้ยาไปทานเพียง 2 เดือนยาจึงหมด ถ้ายาไม่หาย ยาก็จะต้องถูกใช้เกินขนาดแน่ๆ ผมพยายามถามต่อก็ได้ความว่า

“ป้าทานยาที่หมอสั่งแบบนี้มานานแล้ว ช่วงหลังๆ นี้ ป้ามีธุระมากขึ้น อยากทำอะไรเองบ้าง เดินไปไหนมาไหนคล่องขึ้น ป้าก็เลยลองเพิ่มยาเอง จากครั้งละ 1 ส่วน 4 เป็น 1 ส่วน 2 คือ ครึ่งเม็ด 3 เวลาหลังอาหาร ไม่ได้ทานตามที่หมอสั่ง หลังจากลองเพิ่มยาแล้ว สังเกตว่าอาการดีขึ้นมาก จนเป็นปกติก็เลยทานแบบนี้มาเลย ทำให้ยาหมดเร็วก่อนที่จะถึงวันนัด” เป็นไปตามคาดครับว่าผู้ป่วยทานยามากกว่าที่แนะนำ เพราะผู้ป่วยต้องการให้อาการดีขึ้นเร็วๆ เป็นสิ่งที่ผมพบบ่อยมากๆ ในการดูแลผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ดังนั้นผมจึงต้องมีการแนะนำให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ยาที่เหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำ

“ครับ การที่ป้าทานยาเพิ่มขึ้นนั้นก็ทำให้ป้ามีอาการดีขึ้นจริงๆ ครับ แต่ว่าการที่ทานยาขนาดสูงๆ ตั้งแต่ต้นของการรักษานั้นจะทำให้อาการของโรคพาร์กินสันนั้นแย่ลงได้เร็วครับ ผมอยากเปรียบเทียบให้ป้าเข้าใจครับ คือว่า โรคพาร์กินสันเกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมองที่สร้างสารโดปามีน เป็นการเสื่อมนะครับ หมายความว่ามันก็จะเสื่อมมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปหรืออายุที่มากขึ้นครับ ถ้าจะเปรียบก็เหมือนรถยนตร์เก่าที่มันเริ่มจะเสีย แต่ยังวิ่งได้ เราต้องการให้รถมันวิ่งไปได้นานๆ มันก็ต้องวิ่งไม่เร็ว หยุดพักบ้าง ถ้าเราเร่งเครื่องให้มันวิ่งเร็วๆ เหมือนรถใหม่ๆ มันก็จะพังเร็วนะครับ โรคพาร์กินสันก็เช่นเดียวกันนะครับ เกิดจากการเสื่อม ดังนั้นถ้าเราเร่งใช้ยาให้มาก เพื่อให้อาการดี เหมือนเหยียบคันเร่งให้รถวิ่งเร็ว มันก็ทำได้ แต่จะทำให้ร่างกายเราแย่ลง เหมือนๆ กับรถเก่าที่เร่งเครื่องเร็วมากๆ ก็พังเร็วขึ้นนะครับ”

“ขอบคุณหมอมากน่ะที่อธิบายให้ป้าฟัง ป้าเข้าใจแล้ว ป้าจะทำตามที่หมอบอกนะค่ะ รับรองว่าป้าจะไม่ทานยาเกินอีกแล้ว ป้าอยากอยู่ไปนานๆ อยากเลี้ยงหลานคนนี้ให้โตก่อน ขอบคุณมากนะหมอ” ผมมักจะพยายามอธิบายโดยการเปรียบเทียบให้ผู้ป่วยเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพราะจะเห็นภาพได้ชัดเจน การอธิบายโดยใช้แต่คำศัพท์วิชาการ อาจทำให้ผู้ป่วยไม่เข้าใจ สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลผู้ป่วยที่ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของหมอ คือห้ามดุผู้ป่วย ควรสอบถามเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร เพราะถ้าเราเข้าใจเหตุผลของผู้ป่วยแล้ว เราก็จะได้แก้ไขให้ได้ แต่ถ้าเราเริ่มด้วยการดุ ต่อว่าผู้ป่วยแล้ว ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ป่วยกับหมอจะเสียไป ก็จะทำให้การรักษาไม่ได้ผลดีแน่นอน