ปอดบวมน้ำ (Pulmonary edema)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 26 พฤษภาคม 2562
- Tweet
- บทนำ
- ปอดบวมน้ำเกิดได้อย่างไร?
- ปอดบวมน้ำมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- ปอดบวมน้ำมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยภาวะปอดบวมน้ำได้อย่างไร?
- รักษาปอดบวมน้ำได้อย่างไร?
- ปอดบวมน้ำรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันปอดบวมน้ำอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคปอด โรคของปอด โรคทางปอด (Pulmonary disease)
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- ปอดบวม ปอดอักเสบ (Pneumonia)
- โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อระบบหายใจ (Respiratory tract infection)
- ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (Pleural effusion)
- ยาขับปัสสาวะ (Diuretics Drugs)
- อิโนโทรปิกเอเจนต์/อิโนโทรป (Inotropic agent /Inotropes)
- โรคไต (Kidney disease)
- โรคจากขึ้นที่สูง (Altitude sickness)
บทนำ
ปอดบวมน้ำ (Pulmonary edema) คือ ภาวะผิดปกติที่เกิดจากมีสารน้ำ/ของเหลวจากในหลอดเลือดของปอด ไหลซึมออกจากหลอดเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อปอด ก่อให้เกิดมีน้ำคั่งในเนื้อ เยื่อปอด โดยเฉพาะในถุงลม จึงส่งผลให้ถุงลมไม่สามารถบรรจุอากาศที่หายใจเข้าไปได้(เพราะมีน้ำมาแทนที่) ปอด/ถุงลมจึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนในอากาศ กับคาร์บอนได ออกไซด์ในหลอดเลือดปอดได้ เซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย รวมทั้งเซลล์ของปอด หัวใจ และหลอดเลือดต่างๆ จึงขาดอากาศ/ขาดออกซิเจน ส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยหอบ และตัวเขียวคล้ำ ซึ่งถ้าให้การรักษาไม่ทัน จะส่งผลให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุดได้
ปอดบวมน้ำ เป็นภาวะที่พบบ่อย มักเกิดตามหลังภาวะหัวใจล้มเหลว หรือภาวะปอดติดเชื้อรุนแรง (โรคปอดบวม) โดยพบได้ในทั้ง 2 เพศ และในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่จะพบได้สูงขึ้นในผู้สูงอายุ สาเหตุจากโรคหัวใจ
ปอดบวมน้ำเกิดได้อย่างไร?
กลไกการเกิดปอดบวมน้ำ เกิดได้ 2 วิธีหลัก คือ
- จากมีภาวะหัวใจล้มเหลว เรียกว่า Cardiogenic pulmonary edema
- และจากภาวะผนังหลอดเลือดฝอยของถุงลมเกิดความผิดปกติ ยอมให้สารน้ำหรือของเหลวในหลอดเลือดซึมผ่านออกจากหลอดเลือด (Increased permeability) เข้าสู่เนื้อเยื่อข้างเคียงซึ่งคือเนื้อเยื่อปอด โดยเฉพาะเข้าไปในถุงลม เรียกว่า Noncardiogenic pulmonary edema)
ก. ปอดบวมน้ำจากภาวะหัวใจล้มเหลว: ภาวะหัวใจล้มเหลว จะส่งผลให้หัวใจโดยเฉพาะห้องล่างซ้ายไม่สามารถบีบตัว ส่งเลือดออกจากหัวใจเข้าท่อเลือดแดงใหญ่ เพื่อไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายได้ (อ่านเพิ่มเติมในบทความ หัวใจ:กายวิภาคหัวใจ) ส่งผลให้เกิดเลือดคั่งในหัวใจ เลือดจากปอดจึงไม่สามารถกลับคืนเข้าสู่หัวใจได้ จึงเกิดเลือดคั่งในปอด และมีความดันในหลอดเลือดปอดสูงขึ้น การที่มีความดันในหลอดเลือดปอดสูงขึ้น จะเพิ่มแรงดันให้สารน้ำหรือของเหลวในหลอดเลือดปอดไหลซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อปอด โดยเฉพาะในถุงลม จึงส่งผลให้ถุงลมแลกเปลี่ยนอากาศไม่ได้ ร่างกายจึงเกิดภาวะขาดออกซิเจน (Hypoxia) ซึ่งจะส่งผลให้ร่าง กายสร้างสารที่กระตุ้นให้หลอดเลือดต่างๆรวมทั้งหลอดเลือดปอดหดตัว ความดันในหลอดเลือดต่างๆจึงสูงยิ่งขึ้น รวมทั้งในหลอดเลือดปอด น้ำในหลอดเลือดปอดจึงไหลซึมออกมามากขึ้น เกิดภาวะน้ำท่วมปอด วนเวียนเป็นวงจรไม่รู้จบ
ข. ปอดบวมน้ำจากความผิดปกติของผนังหลอดเลือดฝอยของถุงลม: โดยผนังหลอดเลือดฝอยที่ในภาวะปกติจะไม่ยอมให้มีของเหลวผ่านออกจากผนังหลอดเลือด เกิดมีความผิด ปกติขึ้น จนส่งผลให้ของเหลวในหลอดเลือดฝอย (ส่วนใหญ่จะเป็นโปรตีน) ไหลซึมเข้าไปอยู่ในถุงลม ส่งผลให้อากาศไม่สามารถเข้าไปในถุงลมได้ ถุงลมจึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้ จึงเกิดภาวะขาดออกซิเจนของเซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย
ปอดบวมน้ำมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
ปอดบวมน้ำมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
ก. สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของปอดบวมน้ำจากภาวะหัวใจล้มเหลว ที่พบได้บ่อย คือ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (ภาวะหัวใจเสียจังหวะ)
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
- ภาวะไตวาย
- ภาวะซีด
- กินอาหารเค็มจัดต่อเนื่อง
- ภาวะหลอดเลือดปอดอุดกั้นจากก้อนลิ่มเลือดขนาดเล็ก/ สิ่งหลุดอุกหลอดเลือดปอด (Pulmonary embolism)
ข. สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงปอดบวมน้ำจากความผิดปกติของผนังหลอดเลือดฝอยของถุงลม ที่พบได้บ่อย คือ
- ปอดสำลักควันต่างๆ โดยเฉพาะควันพิษ เช่น แอมโมเนีย และคลอรีน
- การสำลักอาหารเข้าปอด
- อุบัติเหตุโดยตรงที่ปอด เช่น ปอดถูกกระแทกอย่างแรง
- คนจมน้ำ
- ปอดติดเชื้อ/ปอดอักเสบ ปอดบวม รุนแรง
- ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ
- การแพ้สาร/สิ่งต่างๆอย่างรุนแรง เช่น การแพ้ยา (เช่น แอสไพริน) แพ้เลือดจากการให้เลือด
- ผลข้างเคียงภายหลังการผ่าตัดหัวใจ
- โรคจากการขึ้นที่สูง
- การใช้สาร/ยาเสพติดต่างๆ เช่น เฮโรอีน
ปอดบวมน้ำมีอาการอย่างไร?
อาการจากปอดบวมน้ำจากทั้ง 2 กลไก และทุกสาเหตุจะมีอาการเหมือนกัน โดยอาการที่พบได้บ่อย คือ
- อาการหายใจลำบาก/เหนื่อยหอบ โดยเฉพาะเมื่อต้องออกแรง/ใช้แรง
- นอนราบจะหายใจลำบากมากขึ้น ต้องนั่ง หรือนอนเอนตัว
- บวม เท้า มือ และ/หรือ ท้อง (ท้องมาน)
- คลื่นไส้ อาเจียน
- สับสน กระสับกระส่าย
- มือเท้าเย็น
- ความดันโลหิตต่ำ
- ตับโต อาจมีม้ามโต คลำได้ (ภาวะปกติจะคลำไม่ได้)
- หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง มองเห็นได้ชัดเจน
- ตรวจฟังเสียงปอดหายใจ จะผิดปกติ (Rales)
- มีการทำงานของไตผิดปกติร่วมด้วย
- อาจมีไข้สูงเมื่อมีการติดเชื้อร่วมด้วย
แพทย์วินิจฉัยภาวะปอดบวมน้ำได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยภาวะปอดบวมน้ำ และหาสาเหตุได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญคือ ประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ประวัติการกินยาต่างๆ
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจภาพปอดด้วยเอกซ เรย์ และ/หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์
- การตรวจเลือด ดูค่าเกลือแร่ /Electrolyte ดูการทำงานของไต
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- และอาจมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับ อาการผิดปกติของผู้ป่วยที่แพทย์ตรวจพบ และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- การตรวจอัลตราซาวด์หัวใจ/ เอคโคหัวใจ
- การเพาะเชื้อจากโลหิตกรณีผู้ป่วยมีไข้สูง เพื่อวินิจฉัยภาวะพิษเหตุติดเชื้อ เป็นต้น
รักษาปอดบวมน้ำได้อย่างไร?
การรักษาปอดบวมน้ำ คือ การรักษาสาเหตุ และการรักษาประคับประคองตามอาการ
ก. การรักษาสาเหตุ เช่น
- การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว
- หรือการให้ยาปฏิชีวนะ เมื่อเกิดจากภาวะปอดติดเชื้อ/ปอดอักเสบ
- การให้ยาขยายหลอดลม
- การสูดดมออกซิเจนด้วยการควบคุมแรงดันของออกซิเจน
- และการให้ยากระตุ้นการเต้นของหัวใจ (อิโนโทรปิกเอเจนต์/อิโนโทรป/Inotropic agents) เป็นต้น
ข. การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น
- การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเมื่อผู้ป่วยกินไม่ได้
- หรือการให้ยาขับน้ำ/ยาขับปัสสาวะเมื่อมีอาการบวมตามร่างกาย เป็นต้น
ปอดบวมน้ำรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
ปอดบวมน้ำ เป็นภาวะรุนแรง ถ้ารักษาแก้ไขไม่ได้ทันท่วงที ผู้ป่วยจะเสียชีวิตได้จากภาวะหายใจล้มเหลว
โดยผลข้างเคียงจากภาวะปอดบวมน้ำที่อาจพบได้ คือ
- การเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (เป็นได้ทั้งสา เหตุ และผลข้างเคียง)
- ภาวะหัวใจล้มเหลว
- และ/หรือภาวะหายใจ
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองที่สำคัญที่สุด คือ เมื่อมีอาการของภาวะปอดบวมน้ำดังได้กล่าวในหัวข้อ’การฯ’ ควรรีบไปโรงพยาบาล ทั้งนี้ ภาวะปอดบวมน้ำ มักเป็นการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล ต่อเมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้น แพทย์รักษาควบคุมปอดบวมน้ำได้แล้ว แพทย์จึงจะอนุญาตให้ผู้ป่วยกลับไปดูแลตนเองที่บ้าน
ในส่วน การดูแลตนเองเมื่อแพทย์ให้กลับบ้านแล้ว คือ
- ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาลแนะนำอย่างถูกต้อง เคร่งครัด
- กินยาต่างๆให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา
- พักผ่อนให้เต็มที่
- งดบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
- งดอาหารเค็ม
- รักษา ควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- มีอาการผิดปกติไปจากเดิม เช่น ไอมากขึ้น
- อาการต่างๆเลวลง เช่น หายใจลำบากมากขึ้น เสมหะเป็นเลือด ต่อเนื่อง
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นผื่นทั้งตัว หัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นช้า
- เมื่อกังวลในอาการ
ป้องกันปอดบวมน้ำอย่างไร?
ป้องกันปอดบวมน้ำได้โดยการป้องกันสาเหตุต่างๆที่ป้องกันได้ ที่สำคัญ คือ
- ป้องกัน รักษา ควบคุม โรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ สาเหตุ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง (สาเหตุโรคหลอดเลือดหัวใจ) โรคปอด และโรคไต
- งดบุหรี่/เลิกบุหรี่ เพราะเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคปอด
- กิน อาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนทุกวัน ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันโรคอ้วน ที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อสุขภาพกายสุขภาพจิต เพื่อลดโอกาสปอดติดเชื้อ และลดโอกาสเกิดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
- ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ
- เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อต้องเดินทางขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันการเกิดโรคจากขึ้นที่สูง
บรรณานุกรม
- Basomworth, J. (2008). Rural treatment of acute cardiogenic pulmonary edema. Can J Rural Med. 13,121-128.
- Perina,D. (2003). Noncardiogenic pulmonary edema. Emerg Med Clin N Am.21, 385-393.
- Ware,L., and Matthay,M. (2005). Acute pulmonary edema. N Eng J Med.353,2788-2796.
- https://en.wikipedia.org/wiki/Pulmonary_edema [2019,May4]