ลูกหยุดงานมาดูแลแม่
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 23 มีนาคม 2564
- Tweet
ผมเป็นหมอรักษาโรคระบบประสาท ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคืออาการอ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคอัมพาต เมื่อผู้ป่วยจะออกจากโรงพยาบาลกลับไปดูแลตนเองต่อที่บ้าน ก็จะต้องหาผู้ดูแลเพื่อมาเตรียมความพร้อมในการกลับบ้าน ทางพยาบาลก็ต้องสอบถามจากผู้ป่วยและญาติว่าจะมีใครเป็นผู้ดูแล ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกๆ เป็นส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ดูแล แต่บางครอบครัวก็จะจ้างผู้ดูแลมาดูแล ซึ่งปัจจุบันก็หายากมาก และเสียค่าใช้จ่ายสูง ส่วนเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้ เป็นเหตุการณ์จริงที่ผมเศร้าใจมาก ที่เหตุการณ์จบลงแบบไม่มีความสุขเลย ลองติดตามครับ
เช้าวันหนึ่งผมไป round ward (การดูแลผู้ป่วยในหอผู้ป่วยของแพทย์) ที่หอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (stroke unit) เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยตามปกติ เมื่อมาถึงเตียงที่ 15 ผมได้วางแผนว่าผู้ป่วยรายนี้น่าจะพร้อมในการกลับบ้านได้แล้ว แต่ทำไมยังไม่สามารถกลับบ้านได้ จึงถามพยาบาลที่ให้การดูแลประจำ ได้ข้อมูลว่าที่ไม่สามารถให้ผู้ป่วยรายนี้กลับไปดูแลต่อเนื่องที่บ้านได้ ก็เพราะผู้ป่วยไม่มีญาติดูแลที่บ้านได้ ผมจึงต้องนัดคุยกับญาติเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงให้ทางพยาบาลนัดคุย ซึ่งก็ไม่สามารถนัดคุยได้เลยในตอนแรก เนื่องจากญาติผู้ป่วย ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ป่วยไม่สะดวกเลยในเวลากลางวัน ผมจึงได้ให้คุณพยาบาลสอบถามว่าจะสะดวกมาคุยกันได้ช่วงเวลาไหนบ้าง ก็ได้คำตอบว่าต้องเป็นช่วงเช้าก่อน 9 โมงเช้า หรือหลังสามทุ่ม เพราะทำงาน 10.00-21.00 น. ไม่สามารถลางานมาได้เลย ผมรู้สึกแปลกใจมากครับ สุดท้ายก็เลยนัดคุยกันจนได้ในช่วงเวลา 8.00 น. ของเช้าวันหนึ่ง
“สวัสดีครับน้อง ผมหมอสมศักดิ์ เป็นหมอที่รักษาคุณพ่อของน้องนะครับ ตอนนี้อาการของคุณพ่อพร้อมที่จะรับกลับไปดูแลต่อเนื่องที่บ้านได้ แต่ต้องเตรียมความพร้อม คือ พ่อต้องใส่สายให้อาหารทางจมูก และต้องให้อาหารทางสายยางนี้ไประยะเวลาหนึ่ง และต้องมีผู้ดูแลตลอดเวลา จึงต้องหาผู้ดูแลหลักครับ ไม่ทราบว่าน้องวางแผนไว้อย่างไรครับ ใครเป็นผู้ดูแลหลักครับ” เมื่อผมพูดจบ ลูกสาวผู้ป่วยก็ร้องไห้ทันที แล้วพูดว่า “หมอค่ะ หนูไม่รู้จะทำอย่างไรดีครับ เพราะหนูไม่มีญาติพี่น้องอีกเลย หนูอยู่กับพ่อเพียงแค่นี้ แล้วหนูก็ทำงานเป็นลูกจ้างรายวันที่ห้างสรรพสินค้าในเมือง ไม่สามารถดูแลพ่อหนูได้เลย ตลอดเวลาที่พ่อนอนรักษาในโรงพยาบาล หนูก็ต้องมาเยี่ยมพ่อหนูหลังเลิกงานเท่านั้น ไม่สามารถมาเยี่ยมช่วงเวลากลางวันได้เลย ถ้าพ่อหนูต้องกลับบ้าน หนูก็ต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลพ่อหนู แต่หนูก็ไม่มีรายได้เลย จะดูแลพ่อหนูได้อย่างไร” ผมก็ได้แต่มองหน้าลูกสาวผู้ป่วย แล้วก็นิ่งไประยะเวลาหนึ่ง เพราะลูกสาวผู้ป่วยร้องไห้ตลอดเวลา จนผมพูดอะไรไม่ออกเลย ได้แต่นึกในใจว่า ทำไมชีวิตคนเรามันถึงลำบากขนาดนี้ แล้วเราจะแกไขปัญหานี้ได้อย่างไร ที่จะทำให้ทุกคนทุกข์น้อยที่สุด
สุดท้ายแล้ว ผู้ป่วยก็ไม่สามารถรับกลับไปดูแลต่อที่บ้านได้ ต้องนอนในโรงพยาบาลด้วยการรักษาแบบระยะสุดท้าย เพื่อให้ผู้ป่วยไม่มีความทุกข์ทรมาน ด้วยความเห็นชอบของลูกสาวและทีมผู้ดูแลร่วมกัน ผู้ป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาลได้ไม่นานก็เกิดภาวะติดเชื้อที่ปอด แล้วก็เสียชีวิตในเวลาต่อมาอย่างสงบ
เหตุการณ์นี้สอนให้ผมรู้ว่า ชีวิตคนเราก็เพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการพยายามทำความดี ทำตามหน้าที่เราให้ดีที่สุด ที่เรารู้สึกเหนื่อยมากแค่ไหน ก็คงไม่ทุกข์เท่ากับผู้ป่วยและลูกสาวของผู้ป่วยหรอกครับ เรายังมีงานทำ มีครอบครัว มีเพื่อนร่วมงานที่ดี และมีโอกาสได้ทำงานที่สามารถช่วยลดความทุกข์ของผู้ป่วยและครอบครัวได้ จงภูมิใจในงานและครอบครัวของเราครับ