ทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen)
- โดย ภญ. หนึ่งฤทัย ใจวงศ์เพ็ญ
- 1 กรกฎาคม 2564
- Tweet
- บทนำ
- ยาทาม็อกซิเฟนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- ยาทาม็อกซิเฟนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาทาม็อกซิเฟนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยาทาม็อกซิเฟนมีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ยาทาม็อกซิเฟนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาทาม็อกซิเฟนอย่างไร?
- ยาทาม็อกซิเฟนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายาทาม็อกซิเฟนอย่างไร?
- ยาทาม็อกซิเฟนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทใดบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- มะเร็งเต้านม (Breast cancer)
- มะเร็งระยะศูนย์ (Stage 0 cancer)
- ภาวะมีบุตรยาก (Infertility)
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial cancer)
- เจ็บเต้านม (Breast pain)
- โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- สิ่งหลุดอุดหลอดเลือดปอด (Pulmonary embolism)
- ผู้ชายมีนม ผู้ชายมีเต้านม เต้านมโตในผู้ชาย หรือ ไกเนโคมาสเตีย (Gynecomastia)
- ภาวะเจริญพันธ์ก่อนวัย (Precocious puberty)
บทนำ: นิยามโรคมะเร็ง และยาทาม็อกซิเฟนคือยาอะไร?
นิยามโรคมะเร็งเต้านม:
มะเร็งเต้านม: เกิดจากเนื้อเยื่อของเต้านมมีการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณของเซลล์ที่ผิดปกติ/เซลล์มะเร็งเต้านม โดยการแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติเหล่านั้นจะทำลายเซลล์ปกติของเต้านมและของร่างกาย และสามารถอาศัยการหมุนเวียนของเลือดนำพาเอาเซลล์มะเร็งเต้านมแพร่กระจายไปเจริญเติบโตเป็นก้อนมะเร็งก้อนใหม่ที่อวัยวะอื่นๆนอกเหนือจากเต้านมได้เช่น ปอด กระดูก ตับ สมอง
โดยปกติแล้ว การเจริญเติบโตและการทำงานของเต้านมขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเพศภายในร่าง กาย ดังนั้นการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านมจึงมีส่วนขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเพศเช่นกัน โดยมะเร็งเต้านมจะเติบโตขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศหญิง การลดปริมาณฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายลงหรือการขัดขวางการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายที่จะไปกระตุ้นเซลล์มะ เร็งเต้านมจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่สามารถรับการรักษาทางด้านฮอร์โมนได้ต้องเป็นผู้ที่ผลตรวจชิ้นเนื้อมะเร็งพบเซลล์ที่มีตัวรับ ฮอร์โมน (Hormone receptor) ของฮอร์โมนเพศหญิงนี้อยู่ได้แก่ ตัวรับของเอสโตรเจน (Estrogen receptor ย่อว่า ER) และตัวรับของโพรเจสเทอโรน (Progesterone receptor ย่อว่า PR)
ทาม็อกซิเฟนคือยาอะไร?
ยาทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen) คือ ยาที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิงคือ เอสโตรเจน (Estrogen) แต่ในขณะเดียวกันก็มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเอสโตรเจน(Antiestrogenic)โดยขึ้นอยู่กับอวัยวะหรือเซลล์เป้าหมายที่ยาไปออกฤทธิ์ ได้แก่
- บริเวณกระดูกและมดลูก ยาทาม็อกซิเฟนมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน
- แต่สำหรับเต้านม ยาทาม็อกซิเฟนมีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเอสโตรเจน
ยาทาม็อกซิเฟน ถูกใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพื่อรักษามะเร็งเต้านม ทั้งนี้สามารถใช้ยานี้ได้ทั้งในสตรีวัยเจริญพันธุ์และสตรีวัยหมดประจำเดือน โดยสามารถใช้ได้ในการลดการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งเต้านมภาย หลังการรักษาด้วยวิธีอื่นเช่น การผ่าตัด ยาเคมีบำบัด รังสีรักษา-ฉายรังสี-ใส่แร่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการใช้ยานี้ก่อนผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็งเต้านมลง จนเหลือขนาดที่แพทย์สามารถผ่าตัดก้อนเนื้อออกได้ (มักใช้ในผู้สูงอายุที่ร่างกายไม่สามารถรับยาเคมีบำบัดได้), หรือใช้ป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม ในสตรีที่มีความเสี่ยง/ปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บท ความเรื่อง มะเร็งเต้านม)
ยาทาม็อกซิเฟนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาทาม็อกซิเฟนมีสรรพคุณรักษาโรค/ข้อบ่งใช้: เช่น
- ใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมชนิดแพร่กระจาย (Metastatic breast cancer: มะเร็งระยะที่ 4) ทั้งในเพศหญิงและในเพศชาย
- ใช้รักษาร่วมกับการรักษาหลักของโรคมะเร็งเต้านม ได้แก่ ร่วมกับการผ่าตัด และ/หรือ ยาเคมีบำบัด และ/หรือ รังสีรักษา-ฉายรังสี-ใส่แร่
- ใช้เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดเป็นมะเร็งเต้านมในกรณีเป็นมะเร็งเต้านมระยะศูนย์(Ductal carcinoma in situ, ดีซีไอเอส/DCIS/ มะเร็งระยะศูนย์)หลังการผ่าตัด และ/หรือ รังสีรักษา(รังสีรักษา-ฉายรังสี-ใส่แร่)
- ใช้เพื่อลดโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมในสตรีที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งเต้านม (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง มะเร็งเต้านม)
นอกจากนี้ยังมีการใช้ยานี้นอกเหนือจากข้อบ่งชี้ที่ระบุไว้ในฉลากยา (Unlabeled/ investigational use) โดยเป็นข้อมูลการรักษาที่ได้จากการศึกษาทางการแพทย์ เช่น
- ใช้ในการรักษาอาการปวด/เจ็บเต้านม (Mastalgia หรือ Breast pain)
- ภาวะนมแตกพาน หรือภาวะผู้ชายมีนม (Gynecomastia) เนื่องจากร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงกว่าปกติ
- บางระยะของโรคมะเร็งชนิดอื่นๆนอกเหนือจากมะเร็งเต้านม เช่น มะเร็งรังไข่ (Ovarian cancer), มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial cancer)
- ใช้ทางสูตินรีเวชเพื่อเหนี่ยวนำการตกไข่ในหญิงที่มีภาวะมีบุตรยาก (Induction of ovula tion)
- ใช้รักษาภาวการณ์เป็นหนุ่มสาวก่อนวัย/ภาวะเจริญก่อนวัย (Precocious puberty)
ยาทาม็อกซิเฟนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาทาม็อกซิเฟนมีกลไกการออกฤทธิ์โดยการแย่งจับกับตัวรับ(Receptor)ของฮอร์โมนเอสโตรเจน(Estrogen receptor) ของเซลล์มะเร็งเต้านมอย่างเฉพาะเจาะจงที่เรียกว่า Selective Estrogen Receptor Modulators; SERMs ส่งผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีอยู่ในร่างกายไม่มีโอกาสกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งที่มีตัวรับนั้นเติบโตได้ หรือหากจะเติบโตได้ก็จะมีการเติบโตที่ช้ากว่าปกติ
ยาทาม็อกซิเฟนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
รูปแบบทางเภสัชภัณฑ์/รูปแบบการจัดจำหน่ายของยาทาม็อกซิเฟน:
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน ขนาด 10, 15, 20 และ 30 มิลลิกรัม โดยเป็นยาเม็ด (Tablet) หรือยาเม็ดเคลือบ (Film-coat tablet)
ทั้งนี้ เนื่องจากยานี้มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน จึงควรหลีกเลี่ยง การหัก แบ่ง บด เคี้ยว หรือทำให้เม็ดยาแตก หากมีความจำเป็นต้องให้ยาผ่านทางสายให้อาหาร (Enteral tube feeding) สามารถบดยาได้แต่ต้องให้ยาทันทีหลังบดยา เนื่องจากยาทั้งสองรูปแบบอยู่ในรูปแบบที่ปลด ปล่อยตัวยาทันที (Immediate release) แต่ผู้ที่เตรียมหรือป้อนยาให้แก่ผู้ป่วยจะต้องสวมถุงมือรวมทั้งผูกผ้าปิดจมูกและปาก (หน้ากากอนามัย) และควรต้องบดเม็ดยาในภาชนะที่ปิดสนิท
ยาทาม็อกซิเฟนมีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยาอย่างไร?
ยาทาม็อกซิเฟนมีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยา เช่น
ก. การรักษาโรคมะเร็งเต้านม: (ในผู้ที่ได้รับการรักษาทั้งการรับประทานยาทาม็อกซิเฟนและการรับยาเคมีบำบัด ควรได้รับยาทาม็อกซิเฟนหลังจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดเสร็จสิ้นแล้ว)
- การรักษาร่วมกับวิธีรักษาอื่น (Adjuvant treatment): รับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัม(มก.) วันละ1ครั้งต่อเนื่องกันเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี ปัจจุบันในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจแนะนำการใช้ยานี้นานมากกว่า 5 ปี อาจนานถึง 10 ปีทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ในผู้ป่วยแต่ละกรณี
- การรักษามะเร็งเต้านมชนิดแพร่กระจาย (Metastatic breast cancer) ในเพศหญิงและชาย: รับประทาน 20 - 40 มิลลิกรัมต่อวัน กรณีขนาดยามากกว่าวันละ 20 มก. ให้แบ่งการรับ ประทานยาเป็น 2 ครั้งคือ เช้าและเย็น
- การรักษามะเร็งเต้านมก่อนการผ่าตัดหรือรังสีรักษาในผู้ป่วยหญิงวัยหมดประจำเดือน: รับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัมวันละครั้งต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 - 6 เดือน (หรือตามดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา) ก่อนการผ่าตัด
ข. การป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมในมะเร็งเต้านมระยะศูนย์: รับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัมวันละครั้งต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 ปี
ค. การป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมในสตรีที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง: รับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัมวันละครั้งต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 ปี
ง. การเหนี่ยวนำการตกไข่ในหญิงที่มีภาวะมีบุตรยาก(เป็นการใช้ยานอกเหนือ จากข้อบ่งชี้ที่ระบุไว้ในฉลากยา): รับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัมวันละครั้ง (หรือแพทย์อาจปรับ ขนาดได้ระหว่าง 20 - 80 มิลลิกรัม) ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 วัน
จ. ขนาดยาในผู้ป่วยไตหรือตับบกพร่อง: ไม่มีข้อมูลการปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่การทำงานของไตหรือตับบกพร่อง
ฉ. ขนาดยาสำหรับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร: ไม่ควรใช้ยาทาม็อกซิเฟนในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากการศึกษาในสัตว์ทดลองและในหญิงตั้งครรภ์พบว่า ยานี้อาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อน หากมีความจำเป็นต้องใช้ยานี้แพทย์จะพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้รับ นอกจากนี้ควรต้องหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ในขณะรับประทานยาทาม็อกซิเฟนและหลังจากหยุดรับประทานยานี้อย่างน้อยเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน
ช. ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในหญิงให้นมบุตร: เนื่องจากข้อมูลการศึกษายังไม่เพียงพอสำหรับยืนยันการผ่านของยาไปยังน้ำนมว่า เกิดขึ้นได้หรือไม่และมากน้อยอย่างไร
*****หมายเหตุ:
- ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
- สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่เนื่องจากเป็นยาฮอร์โมน ประสิทธิ ภาพของยาจะสูงขึ้นถ้ากินยาในช่วงระยะเวลาเดียวกันในแต่ละทุกๆวัน เช่น ช่วงเช้าของทุกๆวัน เป็นต้น
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมทั้งยาทาม็อกซิเฟน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น ขึ้นผื่น คลื่นไส้อาเจียน แน่นหน้าอก/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังรับประทานยาหรือมีการใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาทาม็อกซิเฟนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อนแล้ว
- ในกรณีที่ยาทาม็อกซิเฟนถูกใช้เพื่อลดอัตราการเกิดมะเร็งเต้านม ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัช กรหากท่านกำลังรับประทานยาวาฟาริน (Warfarin) ซึ่งเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือมีประวัติการมีภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (Venous thrombosis)
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาอาจสามารถ ผ่านทางน้ำนมหรือรกแล้วเข้าสู่ตัวทารก จนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ หรือควรแจ้งหากมีรอบประจำเดือนผิดปกติ
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
สำหรับยาทาม็อกซิเฟน อาหารไม่มีผลต่อการดูดซึมยา ดังนั้นการเลือกช่วงเวลาในการรับประทานยาไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงมื้ออาหาร สามารถรับประทานยาก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยานี้พร้อมกับส้มและเกรปฟรุต (Grapefruit) เพราะอาจมีผลลดการดูดซึมยานี้ได้
กรณีลืมรับประทานยาทาม็อกซิเฟน ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้กับเวลาที่ต้องรับประทานยามื้อถัดไป ให้รับประทานยามื้อถัดไปเลย ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า จาก นั้นรับประทานยามื้อถัดไปในขนาดยาปกติ ห้ามหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์ผู้รักษา
ยาทาม็อกซิเฟนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง) ของยาทาม็อกซิเฟนที่พบบ่อย เช่น
- คลื่นไส้อา-เจียน
- ขึ้นผื่นผิวหนัง
- ร้อนวูบวาบ
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ (กรณียังมีประจำเดือนอยู่)
- มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (กรณีอยู่ในวัยหมดประจำเดือน)
- ความดันโลหิตสูง
- อาการปลายมือ ปลายเท้าบวม (Peripheral edema)
- ภาวะบวมน้ำ (Fluid retention)
- อารมณ์แปรปรวน
อนึ่ง: อาการดังกล่าวเหล่านี้จะดีขึ้นเมื่อรับประทานยาต่อไปสักระยะหนึ่งและร่างกายสามารถปรับสภาพได้แล้ว
นอกจากนี้ :
- อาการไม่พึงประสงค์ของยาทาม็อกซิเฟนที่รุนแรง ‘แต่พบเกิดน้อยมาก’ เช่น
- อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke: อัมพาต)
- ภาวะมีลิ่มเลือดในปอด หรือ สิ่งหลุดอุดหลอดเลือดปอด (Pulmonary embolism)
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก โดยเฉพาะในสตรีที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่พบในอุบัติการณ์ที่ต่ำมาก
- อาการอื่นๆที่สามารถพบได้ในบางผู้ป่วย เช่น
- นอนไม่หลับ (Insomnia)
- เวียนศีรษะ (Dizziness)
- ปวดหัว
- ปวดท้อง
มีข้อควรระวังการใช้ยาทาม็อกซิเฟนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาทาม็อกซิเฟน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่แพ้ยาหรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
- ไม่ควรใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์นอกจากจำเป็นจริงๆเท่านั้น และไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในหญิงให้นมบุตร
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่อวัยวะต่างๆ (Thrombolic events) เช่น เส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดแดงที่ขาอุดตัน เป็นต้น
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะ/โรคไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia) ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงระดับคอเลสเตอรอลระหว่างการใช้ยานี้ตามแพทย์แนะนำ
- ควรติดตามภาวะความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ( ซีบีซี / CBC: Complete blood count), ระดับแคลเซียมในเลือด, ภาวะการทำงานของตับ, รวมทั้งสังเกตภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด, ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
- ควรปรึกษาแพทย์เมื่อสายตามีการมองเห็นเปลี่ยนไป หรือมีสัญญาณบ่งบอกว่าตับมีปัญหา เช่น ตัวเหลือง, มีสารคัดหลั่งที่ผิดปกติออกจากช่องคลอด เป็นต้น
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง:
ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาทาม็อกซิเฟนด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาทาม็อกซิเฟนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ปฏิกิริยาระหว่างยาของยาทาม็อกซิเฟนกับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาทาม็อกซิเฟน ร่วมกับ ยาต้านการแข็งตัวของเลือดบางชนิด เช่นยา Dabigatran (ดาบิกาแทรน), Rivaroxaban (ไรวาร็อกซาแบน) และ Warfarin (วาร์ฟาริน) สามารถทำให้ระดับยาในเลือดของยาต้านการแข็งตัวของเลือดเพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดภาวะเลือดออกได้ง่าย
- การใช้ยาทาม็อกซิเฟน ร่วมกับ ยาที่ใช้เพื่อรักษาและบรรเทาอาการเจ็บปวดและบวมบริเวณข้อในผู้ป่วยโรคเกาต์ เช่นยา Colchicine (โคลชิซีน) สามารถทำให้ระดับยาโคลชิซีนในเลือดเพิ่มขึ้น จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้น เช่น คลื่นไส้-อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย
- การใช้ยาทาม็อกซิเฟน ร่วมกับ ยารักษาโรคมะเร็งเต้านมชนิดอื่นๆอาจลดประสิทธิผลในการรักษาของยานั้นๆ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็งเต้านมได้ เช่นยา Anastrozole (อะแนสโทรโซล), Letrozole (เลโทรโซล)
- การใช้ยาทาม็อกซิเฟน ร่วมกับ ยาต้านเอชไอวี/ยาต้านรีโทรไวรัส เช่นยา Darunavir (ดารูนาเวียร์) และยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) เช่นยา Dasatinib (ดาสาตินิบ) อาจทำให้ระดับยาทาม็อกซิเฟนในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
- ไม่ควรใช้ยานี้ ร่วมกับ ยาต้านเชื้อรา เช่นยา Fluconazole (ฟลูโคนาโซล), ยาวัณโรค (เช่นยา Isoniazid/ไอโซไนอะซิด), ยาปฏิชีวนะ (เช่นยา Clarithromycin/คลาริโธรมัยซิน, Erythro mycin/อิริโทรมัยซิน) และยาลดไขมัน (เช่นยา Gemfibrozil/เจมไฟโบรซิล) เนื่องจากอาจทำให้ฤทธิ์ของยาทาม็อกซิเฟนเพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
- การใช้ทาม็อกซิเฟน ร่วมกับ ยาต้านเศร้ากลุ่มที่ออกฤทธิ์เพิ่มสารเคมีชื่อ เซโรโทนิน (Selective serotonin reuptake inhibitor: SSRI, เช่นยา Fluoxetine/ฟลูออกซิทีน, Paroxe tine/พาร็อกซีทีน, Sertraline/เซอร์ทราลีน, Venlafaxine/วนลาแฟ็กซีน, Citralopram/ไซตาโลแพรม) อาจทำให้ระดับยาทาม็อกซิเฟนในกระแสเลือดลดลงส่งผลให้ประสิทธิภาพของการรักษามะเร็งเต้านมลดลง
- ไม่ควรใช้ยานี้ ร่วมกับ ยาต้านชัก (เช่นยา Carbamazepine/คาร์บามาซีปีน, Phenytoin /ฟีนัยโตอิน), ยาวัณโรค (เช่นยา Rifampin/ไรแฟมพิซิน) เนื่องจากอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของการรักษามะเร็งเต้านมลดลง
ควรเก็บรักษายาทาม็อกซิเฟนอย่างไร?
ควรเก็บยาทาม็อกซิเฟน:
- เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- ไม่เก็บยาในที่ร้อนหรือในที่ชื้น
- ควรเก็บยาในภาชนะปิดสนิทและป้องกันแสง เช่น เก็บในขวดหรือในซองสีชา
- เก็บยาให้พ้นแสงแดด
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
ยาทาม็อกซิเฟนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทใดบ้าง?
ยาทาม็อกซิเฟน มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อทางการค้า | รูปแบบและขนาด | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|---|
Novofen (โนโวเฟน) | ยาเม็ดขนาด 15, 20 มิลลิกรัม | ฟาร์มาแลนด์ (1982) จำกัด |
Tamoxifen Citrate (ทาม็อกซิเฟนซิเตรท), Tamodex 20 (ทาโมเด๊ก 20) | ยาเม็ดขนาด 10, 20 มิลลิกรัม | ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภิญโญฟาร์มาซี |
Zitazoniu (ซิตาโซเนียม) | ยาเม็ดขนาด 10, 30 มิลลิกรัม | เมดไลน์ จำกัด |
Nolvadex - D (นอลวาเด็กซ์ – ดี) | ยาเม็ดขนาด 20 มิลลิกรัม | แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด |
Mamofen (มาโมเฟน) | ยาเม็ดขนาด 10, 20 มิลลิกรัม | มาสุ จำกัด |
Onkofen (ออนโคเฟน) | ยาเม็ดขนาด 10, 20 มิลลิกรัม | ห้างหุ้นส่วนจำกัด จีไอเอส ฟาร์มา |
Tamoxifen Sandoz (ทาม็อกซิเฟน แซนดอซ) | ยาเม็ดขนาด 20 มิลลิกรัม | โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด |
บรรณานุกรม
- Dipiro JT, Talbert RL, Yee GC, Matzke GR , Wells BG, Posey LM. Pharmacotherap : a pathophysiologic approach. 8th edition.McGraw-Hill ; 2011.
- Charles F. Lacy , Lora L. Armstrong , Morton P. Goldman , et al. Drug Information Handbook International.23thed. Lexi–Comp Inc,Ohio ,USA.
- Product Information: Tamoxifen Sandoz®, Novartis.
- TIMS (Thailand). MIMS. 130th ed. Bangkok: UBM Medica ;2013.