ตุ่มแพ้แมลงกัด (Insect bite reaction)
- โดย พญ.ชลธิรศน์ ศรีเกษตรสรากุล
- 15 มีนาคม 2563
- Tweet
- บทนำ
- ตุ่มแพ้แมลงกัดเกิดขึ้นได้อย่างไร?
- ตุ่มแพ้แมลงกัดติดต่ออย่างไร?
- ตุ่มแพ้แมลงกัดมีอาการอย่างไร?
- ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
- แพทย์วินิจฉัยตุ่มแพ้แมลงกัดได้อย่างไร?
- รักษาตุ่มแพ้แมลงกัดอย่างไร?
- ตุ่มแพ้แมลงกัดก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
- ตุ่มแพ้แมลงกัดมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเกิดตุ่มแพ้แมลงกัด?
- เมื่อไหร่ต้องพบแพทย์ก่อนนัด?
- ป้องกันเกิดตุ่มแพ้แมลงกัดได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคผิวหนัง (Skin disorder)
- โรคภูมิแพ้ (Allergy)
- ลมพิษ (Urticaria)
- ผึ้ง ต่อ มด กัดต่อย: การปฐมพยาบาล การรักษาและการป้องกัน (Bee, Wasp, Hornet, and Ant stings)
- สัตว์และคนกัด: การปฐมพยาบาล การดูแลรักษา สุนัขกัด แมวกัด สัตว์ฟันแทะอื่นๆกัด คนกัด
- แอแนฟิแล็กซิส: ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis)
- แองจิโออีดีมา (Angioedema)
บทนำ
ตุ่มแพ้แมลงกัด (Insect bite reaction) คือตุ่มหรือผื่นคันที่เกิดจากปฏิกิริยาของผิวหนังตาม หลังการถูกแมลง กัด ต่อย ปฏิกิริยานี้มีได้หลายระดับความรุนแรง ตั้งแต่เป็นตุ่มคัน ตุ่มเดียว หลายตุ่ม ทั้งตัว ไปจนถึงอาการช็อกจากการแพ้ (Anaphylaxis) ขึ้นกับความไว/การตอบสนอง (Sensiti vity) ของร่างกายแต่ละบุคคลและชนิดของแมลง
ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงลักษณะอาการที่พบได้บ่อยและไม่รุนแรงคือ ลักษณะเป็นตุ่มคันที่เกิดจากแมลงทั่วไปที่ไม่ทำให้เกิดรอยโรคที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น มดกัด ยุงกัด ซึ่งพบได้ทั้งในหญิง และชายและในทุกช่วงอายุ ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองในการหลีกเลี่ยงป้องกันแมลงกัดต่อย
ตุ่มแพ้แมลงกัดเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ตุ่มแพ้แมลงกัดเกิดขึ้นได้โดย หลังถูกแมลงกัด ผิวหนังจะมีปฏิกิริยาต่อการบาดเจ็บจากที่ถูกกัด และจากสารเคมีจากแมลง เช่น ในน้ำลายของแมลง เกิดเป็นปฏิกิริยาการแพ้/อักเสบที่ผิวหนังขึ้น
ตุ่มแพ้แมลงกัดติดต่ออย่างไร?
ตุ่มแพ้แมลงกัด เป็นภาวะ/อาการเกิดเฉพาะตัวบุคคลที่ถูกกัด ไม่ใช่โรคติดต่อแต่อย่างใด จึงไม่ติดต่อจากผู้หนึ่งไปสู่อีกผู้หนึ่ง ไม่ว่าจะทางใดทั้งสิ้น เช่น การสัมผัสแผลหรือสัมผัสเสื้อผ้าเครื่องใช้
ตุ่มแพ้แมลงกัดมีอาการอย่างไร?
อาการของตุ่มแพ้แมลงกัด มักพบเป็น
- ตุ่ม นูน แดง คัน อาจมีน้ำเหลือง หรือหนองในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนจากการเกา
- ถ้ามีแมลงมากัดบ่อย มักพบรอยโรคใหม่เป็นตุ่มแดง และมีรอยเการ่วมกับรอยโรคเก่าที่เป็นรอย/ตุ่มดำ/ผื่นดำที่เกิดหลังการอักเสบ
- นอกจากนี้มักพบตุ่มแพ้แมลงกัด เกิดที่ผิวหนังบริเวณนอกร่มผ้า ผิวหนังที่มีโอกาสถูกแมลงกัดได้บ่อยเช่น แขน ขา ในส่วนที่อยู่นอกร่มผ้า
- และถ้ามีรอยแผลทั้งเก่า ใหม่ และจากการเกาอยู่มาก มักถูกเรียกว่าเป็น แขน ขาลาย
ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
หากมีตุ่มคัน/ผื่นคันที่ไม่ทราบสาเหตุ หรือที่สงสัยว่าเกิดจากแมลงกัดต่อย สามารถมาพบแพทย์ผิวหนังได้ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย รับคำแนะนำและเพื่อรับการรักษา
แพทย์วินิจฉัยตุ่มแพ้แมลงกัดได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยตุ่มแพ้แมลงกัดได้จาก
- ลักษณะทางคลินิก คือ ประวัติการสัมผ้สแมลง เช่น การถูกแมลงกัด การท่องเที่ยว การอยู่นอกบ้าน
- และจากการตรวจดูลักษณะของรอยโรค
- มักไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติม
- แต่ถ้าอาการเป็นมาก รุนแรง และเกิดในผู้มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เอชไอวี อาจต้องแยกจาก ตุ่ม PPE (Pruritic papular eruption, ตุ่มคันเรื้อรังที่ ใบหน้า แขน หลังมือ ขา หลังเท้า ลำตัว โดยไม่เกิดที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ซึ่งเป็นตุ่มเกิดจากการติดเชื้อเอชไอวี) ที่พบในคนไข้โรคเอดส์ โดยการตรวจเลือดดูค่าสารภูมิต้านทาน และ/หรือ สารก่อภูมิต้านทานการติดเชื้อ เอชไอวี
รักษาตุ่มแพ้แมลงกัดอย่างไร?
การรักษาตุ่มแพ้แมลงกัดคือการรักษาตามอาการ ได้แก่
- ทำความสะอาดรอยแมลงกัดด้วยสบู่และล้างน้ำตามปกติ
- ใช้ยาทาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการคันจากการแพ้ โดยใช้สเตียรอยด์ความเข้มข้นปานกลางเช่น 0.1% Triamcinolone ทาที่ตุ่มคันเช้าเย็นไม่เกินสองสัปดาห์ ถ้ามีตุ่มขึ้นมากหรือคันมาก จะรักษาร่วมกับยารับประทาน ดังกล่าวในข้อถัดไป
- รับประทานยาแก้แพ้กลุ่ม Antihistamine เพื่อลดอาการคัน
- ตัดเล็บให้สั้น รักษาความสะอาดเล็บ และระมัดระวังอย่าเกา เพื่อป้องกันเกิดแผลหรือตุ่ม/แผลติดเชื้อ ที่จะส่งผลให้เกิดรอยดำ/ตุ่มดำตามมา และเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันรอยดำหลังการอักเสบของแผลหายแล้ว
- รอยดำที่เกิดขึ้นของแผลถูกกัดหลังแผลหายแล้ว สามารถใช้ครีมทาผิวชนิดช่วยให้ผิวขาว (Skin whitening) ทา เพื่อให้รอยดำจางลงได้
- เมื่อตุ่มหรือแผลเกาติดเชื้อ อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะร่วมด้วย (ซึ่งกรณีนี้ ควรพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะกินเอง)
ตุ่มแพ้แมลงกัดก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากตุ่มแพ้แมลงกัดคือ ตุ่มที่ถูกกัดเป็นหนองจากติดเชื้อแบคทีเรีย โดยมักเกิดจากการเกา และการเกิดรอยดำที่ตุ่มหลังตุ่มเกิดการอักเสบ
ตุ่มแพ้แมลงกัดมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
โดยทั่วไป ตุ่มแพ้แมลงกัดมีการพยากรณ์โรคที่ดี รอยตุ่มแดง คัน อักเสบ มักดีขึ้นในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ส่วนรอยดำหลังการอักเสบจะค่อยๆจางลงในเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดรอยแผลและสภาพผิวของแต่ละคน
นอกจากนั้น ตุ่มแพ้แมลงกัดเหล่านี้สามารถกลับเป็นซ้ำได้ใหม่ เมื่อถูกแมลงกัดอีก
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเกิดตุ่มแพ้แมลงกัด?
การดูแลตนเองเมื่อเกิดตุ่มแพ้แมลงกัด เช่นเดียวกับที่ได้กล่าวแล้วในหัวข้อการรักษา ที่สำคัญคือ
- การรักษาความสะอาดตุ่ม
- พยายามอย่าเกา
- ทายาและกินยา ยาแก้แพ้ ยาแก้คัน ดังกล่าว โดยปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยา ก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
- *แต่ถ้ามีอาการมาก (เช่น ตุ่มขึ้นมากทั้งตัว คันมาก) หรือกังวลในอาการ หรือตุ่มเป็นหนอง ก็ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล
เมื่อไหร่ต้องพบแพทย์ก่อนนัด?
ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด หากสังเกตุพบรอยแผลขยายขนาดขึ้นหรือมีไข้ ซึ่งเป็นลักษณะของการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
ป้องกันเกิดตุ่มแพ้แมลงกัดได้อย่างไร?
การป้องกันเกิดตุ่มแมลงกัดคือ การป้องกันตนเองจากการถูกแมลงกัดต่อยโดย
- สวมเสื้อผ้าแขน ขา ยาว
- ใช้โลชั่น สเปรย์ ยากันยุง หรืออุปกรณ์ต่างๆไล่แมลง ไล่ยุง
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีแมลงหรือยุงชุม เช่น ช่วงกลางคืน สถานที่นอกบ้าน ใกล้ต้นไม้
- ทำมุ้งลวดหรือรู้จักการใชัมุ้ง
บรรณานุกรม
1. ปรียา กุลละวณิชย์,ประวิตร พิศาลยบุตร .Dermatology 2020:ชื่อบท.พิมพ์ครั้งที่1.กรุงเทพฯ:โฮลิสติก,2555
2. Insect bite http://emedicine.medscape.com/article/769067-overview#a0104 [2020,March7]