4.ตลาดเครื่องมือแพทย์ - ตอนที่ 55
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 9 เมษายน 2568
- Tweet
นอกจากนี้ การแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทยยังได้รับการรับรองในระดับสากล (International acceptance) โดยแพทย์และพยาบาล มีความเชี่ยวชาญสูง ทำให้ไทยมีนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical tourism) และสุขภาพปีละ 1.2 ล้านคน
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีกำลังซื้อ (Purchasing power) สูงและมีโอกาสที่จะนำวิทยาการการแพทย์สมัยใหม่ (Modern advancement) ที่เข้ามาใช้ อีกทั้งยังมีโอกาสขยายบริการ (Service expansion) ดังกล่าวไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (Neighboring) ที่ไว้วางใจ (Trust) ในระบบการให้บริการของไทย
- ความท้าทาย
การเข้าสู่ตลาด (Market entry) และค่าใช้จ่าย (Expenditure) ทางการตลาด เป็นอุปสรรค (Obstacle) สำคัญของผู้ประกอบการ (Entrepreneur) เครื่องมือแพทย์ (Medical device) ในประเทศไทยที่ส่วนมากเป็น SMEs (= Small and medium-sized enterprises: วิสาหกิจขนาดเล็กและกลาง)
บุคลากรทางการแพทย์ (Medical staff) หรือนักศึกษาแพทย์เคยชินกับการฝึกหัด (Practice) ในอุปกรณ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ขาดความไว้วางใจ (Trust) ในเครื่องมือแพทย์ที่ผลิตโดยคนไทย แม้ว่าเครื่องมือนั้นจะได้รับการยอมรับทางคุณภาพมาตรฐาน (Quality standard) ที่เทียบเท่ากับสินค้าจากต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังพบว่าในระบบจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement) ของโรงพยาบาลรัฐ ที่ใช้เกณฑ์ (Criteria) ราคาต่ำสุด (Minimum pricing) ทำให้เครื่องมือแพทย์ไทยที่มีต้นทุน (Cost) สูงกว่าต่างชาติ แข่งขันได้ยาก อีกทั้งยังมีเครือข่าย (Network) ของการขายที่มีแนวทางปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม (Inappropriate)
ในด้านของศักยภาพ (Potential) ของผู้ผลิตพบว่า กลุ่มผู้ประกอบการไทยส่วนมาก เป็นวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ที่มีสายป่านจำกัด จึงไม่มีเงินทุน (Capital) มากเพียงพอที่จะลงทุนในกิจกรรมวิจัยและพัฒนา (Research and development) ต้นแบบ (Prototype)
นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการทดสอบเพื่อขอรับรองมาตรฐาน (Accreditation), การผลิตเพื่อทดลองตลาด (Trial production), หรือพัฒนาบริการต่างๆ เพื่อแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ (Major competitor) จากต่างประเทศ จึงต้องอาศัยการสนับสนุน (Support) ในหลากหลายส่วนจากภาครัฐ (Public sector)
อย่างไรก็ตาม การส่งเสริม (Promotion) การวิจัยและนวัตกรรม (Innovation) ด้านเครื่องมือแพทย์ ยังไม่ได้ทำตลอดทั้งสายโซ่อุปทาน (Supply chain) ทางการตลาด ส่วนมากเป็นการให้ทุนอุดหนุน (Subsidy) เพื่อการทำวิจัยและพัฒนา หรือขอการรับรองมาตรฐานเท่านั้น ไม่สามารถให้ทุนสนับสนุนในส่วนของการผลิตเพื่อทดลองตลาด หรือการออกสู่ตลาด (Market launch) ได้
แหล่งข้อมูล –
