3. ตลาดยา – ตอนที่ 71

ยิ่งไปกว่านั้น ตลาด ยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ซึ่งเป็นยาที่ผลิตขึ้นหลังยาต้นแบบ (Original) หมดสิทธิบัตร (Pattern) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า (Affordable) ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ (Health expenditure) บริษัทไทยเริ่มให้ความสนใจและลงทุนในธุรกิจ Biosimilar มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้า (Import) และเพิ่มโอกาสในการส่งออก (Export) ยาชีววัตถุ (Biopharmaceuticals) ของไทยในอนาคต

ประเทศไทยเริ่มมีการลงทุนจริงจังในธุรกิจ Biosimilar เช่น บริษัทร่วมทุน (Joint venture) ระหว่างกลุ่ม ปตท. (อินโนบิก) กับพันธมิตรต่างชาติ เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตยา Biosimilar ในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าและเพิ่มศักยภาพ (Potential) การส่งออกยาชีววัตถุของไทยได้ในอนาคต​ 

2. ยาสามัญ: จุดแข็งที่ต้องต่อยอด

ปัจจุบัน ยาสามัญยังคงเป็นฐานการผลิต (Manufacturing base) หลักของอุตสาหกรรมยาไทย ด้วยต้นทุนวิจัย (Research cost) ที่ต่ำกว่าและการผลิตจำนวนมาก ทำให้ยาสามัญมีราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ (Accessible) และตอบสนอง (Satisfy) ความต้องการภายในประเทศได้กว่า 90% 

การเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ (Aging society) และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (Chronic disease) ยิ่งทำให้ความต้องการยาสามัญ (Generic) เพิ่มสูงขึ้น นี่คือโอกาส (Opportunity) สำคัญสำหรับผู้ผลิตไทยในการขยาย (Expansion) กำลังการผลิต (Production capacity) เพื่อรองรับตลาดในประเทศ (Domestic market) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และอาจมองหาโอกาสในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ (Overseas market) โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ต้องการยาราคาย่อมเยา (Inexpensive)

3. แรงสนับสนุนจากภาครัฐ: ผลักดันสู่ Medical Hub

รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศให้เป็น ศูนย์กลางการแพทย์ของภูมิภาค (Regional medical hub) โดยอุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) ที่ต้องเร่งพัฒนา (Accelerated development)

แผนยุทธศาสตร์ Medical Hub ระยะปี 2025–2030 มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมยาให้ครบวงจร และได้ออกมาตรการจูงใจการลงทุนมากมายผ่าน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนายา รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานใน EEC เพื่อดึงดูดการลงทุนผลิตยาเทคโนโลยีสูง ซึ่งเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมจากการขอรับส่งเสริมการลงทุนด้านผลิตยาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

4. โอกาสการส่งออก: ตลาดที่ยังเปิดกว้าง

แม้ปัจจุบันไทยจะพึ่งพายานำเข้าเป็นหลัก แต่ในทางกลับกัน นี่ก็เป็นโอกาส (Opportunity) อันดีสำหรับผู้ผลิตยาในประเทศในการ รับจ้างผลิต (Contract manufacturing) และ ผลิตเพื่อส่งออก โดยเฉพาะตลาดประเทศเพื่อนบ้าน (Neighboring) ในอาเซียน (ASEAN = Association of South-East Asia Nations) ที่มีความต้องการยาคุณภาพ (Quality drug) ในราคาที่แข่งขันได้ (Competitive price)

แหล่งข้อมูล

  1. https://www.pharmconnection.net/thailand-pharmaceutical-market-trends-2025/ [2025, November 17].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Pharmaceutical_industry [2025, November 17].