3. ตลาดยา – ตอนที่ 67

3. การใช้ข้อมูลมหึมา (Big data) และวิธีการวิเคราะห์ (Analytics) ช่วยให้ผู้ผลิตได้รับข้อมูลเจาะลึก (In-depth) อย่างรวดเร็วในแต่ละขั้นตอนการผลิตยา รวมถึงการใช้เทคโนโลยี 5G ที่เอื้อต่อการให้บริการเภสัชกรรมทางไกล (Tele-pharmacy)

4. นอกจากนี้ การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์จะช่วยเชื่อมสายโซ่อุปทาน (Supply chain) ของยาตั้งแต่ผู้ผลิต (Manufacturer) จนถึงผู้ป่วย (Patient) ได้ ทั้งยังตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย (Convenience) และทำให้ผู้ป่วยเข้าถึง (Access) ยาและการรักษาได้เร็ว ก่อนอาการโรคจะรุนแรง (Severe) ขึ้น การนำแนวทาง (Guideline) และเทคโนโลยีที่ยั่งยืน (Sustainable) มาใช้ในกระบวนการผลิตยา ยังช่วยลดผลกระทบต่อ (Impact) สิ่งแวดล้อม และเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยา (Pharmaceutical) ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

  • นโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยาได้แก่ 

1. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (National Economic and Social Development Plan) ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2566 - 2570 สนับสนุน (Promote) ให้มีการพัฒนาฐานการผลิต (Production base) และการจัดตั้งโรงงานต้นแบบ (Factory prototype) เภสัชชีวภัณฑ์ (Bio-pharmaceuticals), ยา (Medicine), สมุนไพร (Herb) และวัคซีนที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล (International standards) โดยเฉพาะการผลิตวัคซีนป้องกันโรคอุบัติใหม่ (Emerging) และอุบัติซ้ำ (Re-emerging) เพื่อให้มีเพียงพอ (Adequate) ต่อความต้องการใช้ในประเทศ (Domestic demand) ลดการนำเข้า1} และสร้างความมั่นคง (Security) ของระบบสาธารณสุขในระยะยาว จะเป็นโอกาสแก่ผู้ประกอบการ (Entrepreneur) ในการลงทุนผลิตและวิจัย (Research and development)) ยาตัวใหม่ เพื่อรองรับ (Satisfy) ความต้องการใช้ที่จะมีมากขึ้นในอนาคต

2. การกำหนดให้อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-curve) โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) โดยภาครัฐ (Public sector) ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนายาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced technology) ผ่านการสนับสนุนงบประมาณ (Budget) การวิจัยและให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

ใน 9 เดือนแรกปี พ.ศ. 2567 มีนักลงทุน (Investor) ขอรับส่งเสริมกิจการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) มูลค่า 444 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 44 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2566

Statista [บริษัทวิจัยการตลาดระดับสากล] ประเมินรายได้ด้านเภสัชกรรมทั่วโลก (รวมยาที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ [Prescription] และยาที่ไม่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ [Over-The-Counter: OTC]) จะเติบโตเฉลี่ย 7.3% ต่อปี ในช่วงปี พ.ศ. 2564 – พ.ศ.2569 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3.5% ในช่วง 5 ปีก่อนหน้า (ระหว่างปี พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2563) โดยยาที่มาจาก Biotechnology จะมีส่วนแบ่งการตลาด (Market share) ที่ 35% เพิ่มขึ้นจาก 30% ปี พ.ศ. 2559 

แหล่งข้อมูล

  1. https://www.krungsri.com/th/research/industry/industry-outlook/chemicals/phamaceuticals/io/io-pharmaceuticals-2025-2027 [2025, September 22].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Pharmacy_(shop) [2025, September 22].