3. ตลาดยา – ตอนที่ 52

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้รายงานออนไลน์ว่า ร้านขายยา ปี' 67 คาดยอดขายโต 4.0% ตลาดแข่งขันรุนแรงขึ้นจากร้านเชนสโตร์

มูลค่าการใช้จ่ายด้านสุขภาพ (Health expenditure) ของคนไทย น่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 6.0% ในปี พ.ศ. 2567 จากการเป็นสังคมสูงอายุ (Aged society) และความเสี่ยง (Risk) ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น หนุนให้ ธุรกิจร้านขายยา (Drug store) ยังเติบโตได้ โดยคาดว่า ยอดขายของร้านขายยาปี พ.ศ. 2567 จะอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท เติบโต (Grow) 4.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน

แต่การแข่งขันมีแนวโน้มรุนแรง (Highly competitive) จาก ร้านขายยาที่เป็นเครือข่าย (Chain store) สามารถขยายสาขา (Branch) เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด (Market share) กับรายย่อย ธุรกิจสุขภาพ (Health business) เป็นหนึ่งในธุรกิจศักยภาพ (Potential) ที่เติบโตต่อเนื่อง (Continuous growth)

เหตุผลสะท้อนได้จากมูลค่าการใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยซึ่งเติบโตเฉลี่ยที่ 5.8% (ซึ่งอัตราเติบโตต่อปีแบบทบต้น [Compound annual growth rate: CAGR]) ในช่วงปี พ.ศ. 2560 - พ.ศ. 2566 และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 6.0% ในปี 2567 ด้วยปัจจัยหนุน เช่น

  • จำนวนผู้สูงอายุ (Elderly) ที่เพิ่มขึ้น ตามโครงสร้างสังคม (Social structure) สูงอายุ ซึ่งไทยจะเข้าสู่การเป็นสังคม สูงอายุขั้นสุดยอด (Super aged society) ในปี พ.ศ. 2572 จึงอาจมีความต้องการ (Demand) การดูแลรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ตามความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ (Geriatric diseases)

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคไม่ติดต่อ (Non-communicable disease: NCD) แบบเรื้อรัง (Chronic) เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ (Cardio-vascular), โรคมะเร็ง (Cancer), และ โรคเบาหวาน (Diabetes)

  • สภาพอากาศ (Climate) ที่เปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว (Rapid change) และปัญหามลพิษ (Pollution) เช่น อากาศร้อนจัด หรือฝุ่น PM 2.5 รวมถึงความรุนแรง (Severity) ของโรคและโรคอุบัติใหม่ (Emerging) ทำให้ประชาชน หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลป้องกันสุขภาพ (Preventive healthcare) มากขึ้น

ร้านขายยาเป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าจะได้รับอานิสงส์ (Derived benefit) จากเม็ดเงินใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นช่องทาง (Channel) การเข้าถึง (Access) ทั้งยารักษาโรค, เวชภัณฑ์ (Medical supplies) และสินค้าสุขภาพ (Healthy goods) ที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกใช้บริการสำหรับการเจ็บป่วยเบื้องต้น (Initial sickness) และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน

  • การรุกขยายสาขาของร้านขายยาเครือข่าย ทำให้รายย่อยแข่งขันลำบาก ผู้ประกอบการรายใหญ่ (โดยเฉพาะผู้ผลิตยาและโรงพยาบาลเอกชน) เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทางตรง (Direct distribution channel) รวมถึงธุรกิจค้าปลีกที่แตกสาย (Line) ธุรกิจร้านขายยาและสินค้าสุขภาพเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะมีข้อได้เปรียบ (Competitive advantage) ในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้สะดวก (Convenience)

แหล่งข้อมูล

  1. file:///C:/Users/user/Downloads/CIpdf [2025, February 24].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Pharmacy_(shop) [2025, February 24].