2. ตลาดผู้สูงอายุ – ตอนที่ 18
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 21 ตุลาคม 2566
- Tweet

สุขภาพจิตที่ดี (Mental well-being) เป็นประเด็นที่ผู้สูงอายุ (Geriatric) ให้ความสำคัญมากขึ้น คนส่วนมากมักคิดถึงว่า “สุขภาพดี” คือการไม่มีอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย รวมถึงการมีรูปร่าง-ผิวพรรณที่ดีเท่านั้น แต่ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา มุมมองต่อคำว่า “สุขภาพดี” ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
คนส่วนมาก ซึ่งรวมถึงคนในรุ่น Baby Boomer (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489 ถึง พ.ศ. 2507) อันเป็นกลุ่มที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ หรืออยู่ในวัยสูงอายุอยู่แล้ว หันมาให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพจิตที่ดีมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพในองค์รวม (Holistic) และไม่ได้ต้องการเพียงแค่ ให้ตนเอง “ดูดี” เท่านั้น แต่ยังต้องการให้ตนเอง “รู้สึกดี” อีกด้วย
อันที่จริง การมีสุขภาพจิตที่ดี หมายถึงทั้งความรู้สึกผ่อนคลาย (Relaxation), ความสงบ, ความมั่นใจ, หรือความเชื่อมั่นในตนเอง (Self-confidence) ซึ่งส่วนมากจะเน้นที่การใช้เวลา เพื่อทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกมีคุณค่า (Valuable) หรือช่วยให้เกิดความสุขทางจิตใจ (Bliss) ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว, การออกกำลังกาย (Physical activity), รวมถึงการนอนหลับให้เพียงพอ
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่นอนตื่นบ่อย แต่กลับไม่รู้สึกว่ามีปัญหาด้านการนอน การนอนหลับให้เพียงพอ (Adequate) เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้สูงอายุเห็นว่าเป็นองค์ประกอบ (Component) ของการมีสุขภาพดี ซึ่งจากผลสำรวจของ Euromonitor [บริษัทวิจัยการตลาดระดับสากล] พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เห็นว่าพฤติกรรมการนอนตื่นบ่อย เป็นเรื่องปกติ
การไม่ได้หลับลึก (Deep sleep) ของผู้สูงอายุ มิได้เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข เพราะยังรู้สึกสดชื่นยามตื่นเป็นปรกติ ต่างจากคนอายุน้อยที่แม้จะนอนได้ยาวนานกว่าโดยไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก แต่มักจะยังรู้สึกเหนื่อย (Weary), นอนไม่พอ, หรือไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน คนอายุน้อยจึงรู้สึกว่า การนอนเป็นปัญหาของตนเอง มากกว่าผู้สูงอายุ
ดังนั้น ผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่ช่วยเรื่องการนอน เช่น ยาหรืออาหารเพื่อสุขภาพ (Functional food) ที่ช่วยให้ง่วงนอน หรือนอนหลับสนิทขึ้น หรือนาฬิกาวัดคุณภาพการนอน (Sleep quality) ต้องเข้าใจว่าผู้สูงอายุส่วนมากมิใช่กลุ่มที่สนใจสินค้าและบริการ ดังกล่าว แต่มักมองสิ่งที่ “มีก็ดี” แต่ “ไม่จำเป็นต้องมี” ก็ได้
การมีสัตว์เลี้ยง (Pet) ส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียว ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก จึงอาศัยเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนเพื่อช่วยคลายเหงา ทำาให้รู้สึกว่า ตนเองมีคุณค่าและมีเป้าหมายในการดำรงชีวิต นอกจากนี้ สัตว์เลี้ยงยังมีส่วนทำให้ผู้สูงอายุมีสังคมใหม่ๆ จากการที่ต้อง พาสัตว์เลี้ยงไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น เดินเล่น, อาบน้ำ, และ ตัดขน
ขณะเดียวกัน เมื่อต้องดูแลสัตว์เลี้ยง เช่น การให้อาหารสัตว์เลี้ยงตามเวลา ก็ทำให้ผู้สูงอายุหันมาใส่ใจกับการรับประทานอาหารของตนเองมากขึ้นตามไปด้วย การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง จึงส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ
ผลสำรวจครัวเรือน (National Poll on Healthy Aging) ของสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2561 รายงานว่า ผู้มีอายุระหว่าง 50 ถึง 80 ปี เกินกว่า +50% เลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพัง มีถึง 72% ที่ระบุว่าสัตว์เลี้ยงช่วยให้ตนเองรับมือ (Handle) กับอาการผิดปกติทางร่างกาย (Physical) และอารมณ์ (Emotional)
แหล่งข้อมูล –
- https://kmc.exim.go.th/detail/20210121152800/20210322110347 [2023, October 20].
- Aging-Market_SME-Treasure_2018.pdf [2023, October 20].