2. ตลาดผู้สูงอายุ – ตอนที่ 14

ข้อมูลการศึกษาวิจัย จากสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ (Institute of Geriatric Medicine) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบว่าผู้สูงอายุไทยในประเทศ มีเพียง 5% เท่านั้นที่มีกำลังในการซื้อ (Purchasing power) ในการเพิ่มคุณภาพชีวิต (Quality of life) ให้แก่ตนเอง

รวมทั้งการเข้าถึง (Access) ระบบบริการเทคโนโลยีชั้นสูง (Advanced-technology service) เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชีวิต ส่วนอีก 90+% ยังต้องการความช่วยเหลือ (Assistance) ในหลายด้าน เนื่องด้วยผู้สูงอายุในไทยไม่มีเงินออม (Savings) และรัฐไม่ได้มีกำลังเพียงพอในการสนับสนุน (Government support)

ดังนั้น การเสริมสร้างทักษะ (Skill supplement) เพื่อดูแลสุขภาพ (Health-care) ของตนเอง, การพยายามนำเรื่องของธนาคารเวลา (Time bank) มาประยุกต์ใช้, และการสร้างเครือข่าย (Net-work) จิตอาสา (Volunteer) ก่อนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ (Fully-aged society) กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งยวด

นอกจากการสร้างนวัตกรรม (Innovation) เพื่อสุขภาพแล้ว การอบรมเสริมอาชีพ (Occupational supplement) จะยังมีความจำเป็นในการสร้างผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ (Quality) แล้ว เรื่องที่อยู่อาศัย (Residence) ก็มีความสำคัญไม่ต่างกัน เพราะผู้สูงอายุของไทย อยากอยู่บ้าน, อยู่ถิ่นฐาน, และชุมชน โดยเฉพาะอยู่กับครอบครัวตนเอง มากกว่าไปอยู่ในสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ (Elderly care)

จากการศึกษาของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (Faculty of Architecture), สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พบว่าผู้สูงอายุต้องการอยู่ที่บ้าน ในชุมชนของตนเองมากกว่าจะไปอยู่ที่อื่น ดังนั้น การจะทำให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องทำให้พวกเขาสามารถอยู่ในท้องถิ่น (Local) ของตนเองได้

การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดูแลผู้สูงอายุก็มีความสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อและฐานะดี อาจปรับที่อยู่อาศัยเป็น “บ้านอัจฉริยะ” (Smart home) ที่มีระบบในการดูแลผู้สูงอายุอย่างครบวงจร (One-stop service) หรือมีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ (Real estate) ที่ออกแบบเพื่อคนทุกช่วงวัย (Universal design: UD) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าในกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ได้มีรายได้ (Income-earning) ควรจะมีการดูแลในระบบทางไกล (Remote care) มากขึ้น โดยมีทรัพยากรบุคคลท้องถิ่น (Local resource) อย่างเช่น อาสาสมัครสาธารณะสุขประจำหมูบ้าน (อสม.) ให้เข้ามาช่วยเติมเต็ม (Fulfill) ระบบสาธารณสุข (Public health)

นอกจากนี้ ควรต้องมี “เวทีพื้นฐาน” (Platform) ในการรองรับ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ในบ้านของตนเอง หรือประกอบสัมมาอาชีวะ ในบ้าน เช่น เปิดร้านขายของชำ (Grocery store) หรือ ชุมชนมีการเปิดให้ผู้สูงอายุได้ทำงาน (Work community) ที่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เป็นต้น

สรุป เมื่อมองไปในอนาคต (Out-look) โอกาส (Prospect) สำหรับตลาดผู้สูงอายุ ยังคงดีอยู่ (Favorable) ในภาพรวม (Overall)

แหล่งข้อมูล

  1. https://www.bangkokbiznews.com/social/903290 [2023, August 25].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Universal_design [2023, August 25].