10. ตลาดประกันสุขภาพ – ตอนที่ 58

กรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบร่วมจ่าย (Co-payment) ไม่ใช่เรื่องใหม่ และพบได้ทั่วไปในประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ ซึ่งกรมธรรม์ ประกันสุขภาพเอกชนส่วนมากเป็นแบบร่วมจ่าย สําหรับประเทศไทยมีการคาดว่า ร่วมจ่ายจะถูกนํามาใช้ในกรมธรรม์ประกันสุขภาพ (Health insurance policy) ใหม่ที่จะขายในปี พ.ศ. 2568

ขณะที่กรมธรรม์ที่มีอยู่เดิม (Original) มาก่อน จะไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม สําหรับการต่ออายุ (Renewal) กรมธรรม์ ตามข้อมูลของ คปภ. สํานักงานคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) [Office of Insurance Commission: OIC] บริษัทประกันภัยสามารถเพิ่มเงื่อนไข (Condition) ร่วมจ่ายได้ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด ดังนี้

  • ผู้เอาประกันภัยมีการเรียกร้องค่าสินไหม (Claim) จากการป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple diseases) และการเข้าพักใน โรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง และมีการเคลมตั้งแต่ 200% ของเบี้ยประกัน (Premium) ในปีต่ออายุในปีกรมธรรม์
  • กรณีมีการเคลมตั้งแต่ 400% ของเบี้ยประกันภัยในปีต่ออายุในปีกรมธรรม์ โดยการปรับใหม่ร่วมจ่าย (หลักเกณฑ์กําหนดไม่เกิน 30% - 50%) จะมีการปรับลดเบี้ยประกันด้วย (หลักเกณฑ์กําหนดไม่เกิน 30-50% เช่นกัน)

ในมุมมอง (Perspective) ของเรา

  • สําหรับโรงพยาบาลเอกชนภายใต้การวิเคราะห์ของเรา เครือ รพ. กรุงเทพ [กรุงเทพดุสิตเวชการ (Bangkok Dusit Medical Services: BDMS)] มีสัดส่วน (Proportion) รายได้จากผู้ป่วยคนไทยที่ทําประกันสุขภาพเอกชนสูงที่สุดที่ 31% ของรายได้รวม ตามมาด้ว กลุ่ม รพ. เกษมราษฏร์ (Bangkok Chain Hospital: BCH) ที่ 25% และ รพ. บำรุงราษฎร์ (Bumrungrad Hospital: BH) ตํ่าที่สุดที่ 19%
  • การปรับกรมธรรม์ประกันสุขภาพเอกชนให้เป็นแบบร่วมจ่าย มากขึ้น ทําให้ตลาดเกิดความกังวล (Concern) ว่าจํานวน ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนอาจปรับตัวลดลง (Decline)
  • อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าผู้ป่วยที่มีประกันสุขภาพเอกชนจะไม่ได้รับผลกระทบ (Effect) ทั้งหมด ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น (Short-term) คือการชะลอ (Slow down) การเข้าใช้บริการผู้ป่วยใน (IPD service) สําหรับการป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple diseases) จากการสอบถามข้อมูลจากโรงพยาบาลต่างๆ บ่งชี้ (Indicate) ว่าการบริการส่วนนี้ไม่ได้เป็นส่วนหลัก (Major part)
  • เราประเมินว่าการป่วยเล็กน้อยทั่วไป จะคิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของรายได้จากประกันสุขภาพเอกชน ในกรณีเลวร้ายที่สุด (Worst case) หากบริการนี้หายไปทั้งหมด เราประเมินว่าผลกระทบเชิงลบ (Unfavorable) จะมีขีดจำกัด (Limited) ที่ 2% ถึง 3% ของรายได้รวม และ 2% ถึง 4% ของประมาณการกําไรปรกติ (Normal profit) ในปี พ.ศ. 2568
  • สําหรับโรงพยาบาลเอกชนภายใต้การวิเคราะห์ของเรา ด้วยค่าใช้จายการรักษาพยาบาลที่มีแนวโน้ม (Tendency) เพิ่มขึ้น เรามองว่าประกันสุขภาพไม่ใช่แค่สิ่งจําเป็น (Necessity) ในด้านค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่ยังจําเป็นสําหรับการเข้าถึง (Access) การรักษาพยาบาลที่จําเป็นอีกด้วย 

แหล่งข้อมูล

  1. file:///C:/Users/user/Download/การแพทย์/การประเมินผลกระทบจากการปรับกรมธรรม์ประกันสุขภาพเอกชนให้เป็นแบบร่วมจ่ายมากขึ้น.pdf [2025, May 26].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Health_insurance_marketplace [2025, May 26].