14. ตลาดธุรกิจฟิตเน็ส-เว็ลเน็ส - ตอนที่ 65
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 6 กันยายน 2568
- Tweet

เหตุผลเป็นเพราะว่าเว็บไซต์เป็นเปรียบเสมือนหน้าร้าน (Storefront) แบบออนไลน์ที่สามารถเข้าถึง (Access) กลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ (Potential customer) ได้มากกว่าการเปิดเป็นหน้าร้านแบบออฟไลน์ ให้ลูกค้าเข้ามาติดต่อเอง รวมถึงเป็นสถานที่ที่รวบรวมข้อมูล (Information) ผลิตภัณฑ์, แผนที่ตั้ง (Location map), ช่องทางติดต่อ (Contact channel), สิ่งอำนวยความสะดวก (Facilities) ฯลฯ ให้ลูกค้าได้เข้ามาศึกษาล่วงหน้า (Advance) ก่อนเข้ามาใช้บริการจริง (Real service)
การปรับแต่ง (Customize) เว็บไซต์นั้น มีความยืดหยุ่น (Flexibility) สูง สามารถเพิ่มเติม (Add) เสริมสิ่งใดก็ได้เข้าไปตามที่ต้องการ แต่สิ่งที่ขอแนะนำให้มีก็คือ คำรับรอง (Testimonial) จากการรีวิวที่ดีจากลูกค้าที่เคยเข้ามาใช้บริการ เพื่อเป็นเครื่องยืนยัน (Confirm)) ถึงคุณภาพและการบริการที่ฟิตเน็ส สามารถมอบ (Deliver ให้กับลูกค้าในอนาคต
การสร้างเว็บไซต์สามารถทำได้หลายช่องทาง (Channels) ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเองจากโดเมนชื่อดังต่างๆ เช่น Wix, WordPress, MakeWebEasy หรือจะเป็นการจ้างผู้รับจ้างพัฒนา (Agency) ให้สร้างให้ ซึ่งจะมีความมืออาชีพ (Professional) มากกว่า โดบมีการทำ SEO (Search engine optimization = สร้างประโยชน์สูงสุดจากเครื่องค้นหา) เพื่อให้ติดอันดับบนๆ ของหน้าค้นหาบน Google ดังนั้นการมีเพียงแค่เว็บไซต์ ก็เหมือนนำคู่แข่ง (Ahead of competitors) ไปแล้วหลายก้าว
ข้อดีของการสร้างเว็บไซต์
- สร้างการรับรู้ยี่ห้อ (Brand awareness) ให้สถานฟิตเน็ส เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
- เป็นสถานที่แจ้งข่าวสาร (Information), ส่งเสริม (Promotion) ผลิตภัณฑ์ [บริการ] ต่างๆ ของยี่ห้อฟิตเน็ส
- เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร (Communications channel)
- ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ (Purchase order) โปรแกรมออกกำลังกายได้เองผ่าน (Via) หน้าเว็บไซต์
- สร้างความน่าเชื่อถือ (Credibility) ให้กับแบรนด์ฟิตเน็ส
- ถ้าทำ SEO ได้ดี มีประสิทธิภาพ (Efficiency) อาจไม่จำเป็นต้องลงเม็ดเงินเพื่อโฆษณา (Advertising) เลย
- ใช้ช่องทางสื่อสังคมเพื่อสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง
การตลาดผ่านสื่อสังคม (Social media) เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่นับว่าใช้ได้ผล (Effective) เป็นอันดับ 1 ในยุคนี้ เพราะลูกค้าแทบทุกคนต้องมีสื่อสังคม เป็นของตัวเองอย่างน้อยคนละ 1 ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม (Platform = เวทีพื้นฐาน) อย่าง Facebook, Twitter, YouTube หรือ Instagram
การตลาดผ่านสื่อสังคม มีความเหนือกว่า (Superior) การทำตลาดแบบออฟไลน์ กล่าวคือ สามารถเก็บข้อมูลได้รอบด้าน เช่น วิถีการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของลูกค้า, การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ (Products selection), ประเภทการออกกำลังกายที่ชื่นชอบ (Preferences) ฯลฯ แล้วนำมาพัฒนาเป็นการส่งเสริม (Promotion) การณณรงค์ (Campaign) ให้บริการที่มีประสิทธิผลต่อไป ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการรณรงค์ ก็สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาพัฒนาต่อได้อีกเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบ
แหล่งข้อมูล –
- https://www.nbasport.co.th/blog/5-gym-marketing-strategies [2025, September 5].
- https://en.wikipedia.org/wiki/Physical_fitness [2025, September 5].