9. ตลาดการแพทย์ทางไกล – ตอนที่ 13

  • โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
  • 19 สิงหาคม 2566
  • Tweet

เมื่อแนวโน้ม (Trend) ของสุขภาพดิจิทัล (Digital Health) เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) ของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกภาคส่วนต่างเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีทางไกล (Remote technology) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก (Facilitate) ให้คนไทยดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น

การมาถึง (Advent) ของ Digital Health ยังช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงการแพทย์ได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่เฉพาะแค่คนเมือง (Urban) หรือกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ แต่รวมถึงคนไทยทั้งประเทศที่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ผ่านการนำ “เวทีพื้นฐาน” (Platform) ที่เชื่อมต่อผ่านโครงข่าย 5G (= 5th Generation) และอุปกรณ์ “อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง”(Internet of Things: IoT) มาช่วยให้คนไทยสุขภาพดีขึ้น

ไม่มีใครคาดคิดว่าบริการปรึกษาแพทย์ทางไกล (Tele-medicine) จะเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของคนไทย หรือคนทั้งโลก แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้แพทย์สามารถประเมินอาการ (Symptom assessment) เพื่อรักษาคนไข้ที่ติดโควิด-19 ได้ผ่านระบบทางไกล ซึ่งช่วยให้บุคลากรด่านหน้าปลอดภัยจากการลดสัมผัสด้วย

บริการอย่างการแพทย์ทางไกล ได้กลายเป็นประตูที่ช่วยเข้ามาเปิดประสบการณ์ในการเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ เมื่อมองไปไกลกว่านั้น ถ้าคนไทยทั้งประเทศสามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะการนำระบบรักษาทางไกลไปให้แพทย์ใช้งานเพื่อรักษาคนในพื้นที่ชนบท (Rural) จะช่วยเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึง (Access) บริการทางการแพทย์ได้เพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีบุคลกรทางการแพทย์ที่พร้อมดูแลผู้ป่วยอยู่ที่ 0.8 คนต่อคนไทย 1,000 คนซึ่งนับว่าน้อยมากๆ เมื่อเปรียบเทียบ (Compare) กับประเทศในแถบยุโรปที่มีบุคลากรทางการแพทย์ 5.57 คนต่อประชากร 1,000 คน

ดังนั้น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ ถือเป็นกลไก (Mechanism) สำคัญที่จะช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงการรักษาให้คนไทยทั่วประเทศ และขณะเดียวกันช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถรักษาผู้ป่วยได้เพิ่มมากขึ้นด้วย เมื่อเห็นถึง
ทิศทาง (Direction) ที่เกิดขึ้น ทำให้หลายธุรกิจ เริ่มพัฒนา Platform ขึ้นมายกระดับบริการสาธารณสุขของประเทศไทย

Platform ดังกล่าว ครอบคลุมทั้งในมิติ (View-point) ของผู้บริโภคทั่วไป จนถึงเข้าไปให้บริการทางการแพทย์ร่วมกับองค์กรธุรกิจที่มองหาวิธีในการดูแลพนักงาน ล่าสุด True Health (ซึ่งเป็นกิจการ Digital Health) ได้เปิดให้บริการซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application: App) ภายใต้ยี่ห้อ ‘หมอดี’ เข้ามาช่วยให้คนไทยสามารถหาแพทย์เฉพาะทางได้สะดวกขึ้น

ข้อสำคัญคือสามารถใช้สิทธิขั้นพื้นฐานอย่างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal coverage: UC) หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค และประกันสังคม (Social security) ได้ด้วย สิ่งที่ตามมาคือปริมาณคนไข้ที่เดินทางเข้าไปในโรงพยาบาลจะลดลง, ไม่เกิดความแออัด (Crowded), ช่วยลดระยะเวลาในการเดินทาง, และค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ต่ำลง

ส่วนในมิติของบุคลากรทางการแพทย์ ยังช่วยลดระยะเวลาในการดูแลรักษาคนไข้, เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, และต่อยอดไป (Upgrade) ในการรักษาโรคพื้นฐานที่ไม่จำเป็นต้องเดินทาง (Travel) ไปโรงพยาบาล

แหล่งข้อมูล –

  1. https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9650000033527 [2023, August 18].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Internet_of_things [2023, August 18].