จีซีเอสเอฟ (G-CSF)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 5 กรกฎาคม 2563
- Tweet
- บทนำ
- ยาจีซีเอสเอฟมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- ยาจีซีเอสเอฟมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาจีซีเอสเอฟมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยาจีซีเอสเอฟมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- ยาจีซีเอสเอฟมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาจีซีเอสเอฟอย่างไร?
- ยาจีซีเอสเอฟมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายาจีซีเอสเอฟอย่างไร?
- ยาจีซีเอสเอฟมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- มะเร็ง (Cancer)
- ยาเคมีบำบัด (Cancer chemotherapy)
- รังสีรักษา ฉายรังสี ใส่แร่ (Radiation therapy)
- เอชไอวี: โรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV: HIV infection)
- เอดส์ (AIDS)
- การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือด การปลูกถ่ายไขกระดูกในโรคมะเร็ง
บทนำ
ยาจีซีเอสเอฟ (G-CSF) หรือ Granulocyte-colony stimulating factor เป็นสารอินทรีย์ประเภทโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ไกลโคโปรตีน (Glycoprotein) ทำหน้าที่กระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวและสเต็มเซลล์ (Stem cell, เซลล์ต้นกำเนิด) ของเม็ดเลือดขาว
นักวิทยาศาสตร์สังเคราะห์จีซีเอสเอฟที่ใช้กับมนุษย์ได้ครั้งแรกในปี ค.ศ.1986 (พ.ศ.2529) โดยใช้จุลชีพจำพวกยีสต์ (เชื้อรากลุ่มหนึ่ง) และแบคทีเรียกลุ่ม อี.โคไล (E.coli) เป็นเซลล์ต้นกำเนิด และนำมาใช้กับผู้ป่วยที่ได้รับการให้ยาเคมีบำบัดหรือผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสี (รังสีรักษา) ด้วยโรค มะเร็ง จนทำให้ร่างกายชะลอการสร้างเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นภูมิต้านทานเชื้อโรคที่สำคัญของร่างกาย ในภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดขาวต่ำจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายและเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยอย่างมาก จีซีเอสเอฟช่วยทำให้ร่างกายปลดปล่อยเม็ดเลือดขาวและสเต็มเซลล์เข้าสู่กระแสเลือดมากยิ่งขึ้น เม็ดเลือดขาวจะต่อต้านเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ส่วนสเต็มเซลล์จะช่วยร่างกายซ่อมแซมเซลล์ของอวัยวะได้ดียิ่งขึ้น
ยาจีซีเอสเอฟ ไม่ใช่ยาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง แต่เป็นยาที่ช่วยบำบัดและทำให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคที่บกพร่องจากเม็ดเลือดขาวต่ำกลับมามีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือใกล้เคียงกับของเดิม
ในทางเภสัชภัณฑ์จีซีเอสเอฟถูกพัฒนาเป็นรูปแบบของยาฉีด และจัดเป็นประเภทยาอันตราย บางสูตรตำรับได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นยาควบคุมพิเศษและมีใช้ในเฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น
ยาจีซีเอสเอฟมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาจีซีเอสเอฟมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- รักษาและบำบัดภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Neutropenia) อันเนื่องจากได้รับยาเคมีบำบัดหรือจากรังสีรักษาในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
- ฟื้นฟูภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำในผู้ป่วยมะเร็งที่ทำการปลูกถ่ายไขกระดูก (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือด การปลูกถ่ายไขกระดูกในโรคมะ เร็ง)
- บำบัดอาการจากภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่องจากภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำในผู้ป่วยด้วยโรคเอชไอวี
ยาจีซีเอสเอฟมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาจีซีเอสเอฟคือ ตัวยาจะกระตุ้นไขกระดูกให้เพิ่มการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาว รวมถึงกระตุ้นการสร้างสเต็มเซลล์ซึ่งช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายของอวัยวะในร่างกาย ด้วยกลไกข้างต้นจึงทำให้จีซีเอสเอฟมีฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ
ยาจีซีเอสเอฟมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาจีซีเอสเอฟมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาฉีด ขนาด 30 และ 48 เอ็มยู (MU, หน่วยทางยา)/0.5 มิลลิลิตร
- ยาฉีด ขนาด 300 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร
- ยาฉีด ขนาด 480 ไมโครกรัม/1.6 มิลลิลิตร
- ยาผงชนิดละลายก่อนฉีด ขนาด 150 และ 300 ไมโครกรัม/ขวด
ยาจีซีเอสเอฟมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาจีซีเอสเอฟมีขนาดการบริหารยา/การใช้ยา เช่น
ก. สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำหลังจากได้รับยาเคมีบำบัดและ/หรือรังสีรักษา: ฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง 5 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน หรือหยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ ภายในเวลา 15 - 30 นาที
ข. สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก: หยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ 10 ไมโคร กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วันภายในเวลา 4 - 24 ชั่วโมง
ค. ป้องกันและบำบัดภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำในผู้ป่วยเอชไอวี: ฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังขนาด 5 ไมโคร กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
*****หมายเหตุ: ขนาดยา และระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษา แพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาจีซีเอสเอฟ ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพรายาจีซีเอสเอฟอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
ยาจีซีเอสเอฟมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาจีซีเอสเอฟอาจก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- คลื่นไส้-อาเจียน
- กรดยูริคในเลือดเพิ่มสูงขึ้น (โรคเกาต์)
- น้ำตาลในเลือดต่ำ
- อ่อนแรง
- อ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะ /ปวดหัว
- ปวดกล้ามเนื้อ
- มีไข้
- อาจหนาวสั่น
- ท้องผูก หรือ ท้องเสีย
- เบื่ออาหาร
- เจ็บหน้าอก
- ผื่นคัน
- ภาวะตับโต
- ตรวจเลือดพบค่าเอนไซม์การทำงานของตับในเลือดเพิ่มขึ้น
- ปัสสาวะขัด
มีข้อควรระวังการใช้ยาจีซีเอสเอฟอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาจีซีเอสเอฟ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยา และ/หรือแพ้ส่วนประกอบในตัวยาจีซีเอสเอฟ
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำรุนแรงแต่กำเนิด (Severe Congenital Neutro penia)
- ห้ามใช้ยานี้ในสตรีตั้งครรภ์นอกจากจะได้รับคำสั่งจากแพทย์
- ไม่แนะนำให้ใช้ยากับสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ถ้าใช้ยาจีซีเอสเอฟเกิน 6 เดือน ควรตรวจปริมาณเม็ดเลือดขาวว่ากลับมาเป็นปกติหรือไม่ รวมถึงคอยตรวจสอบมวลและความหนาแน่นของกระดูกว่าปกติหรือไม่ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor. com เรื่อง การตรวจความหนาแน่นกระดูก)
- ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาจีซีเอสเอฟด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด เสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาจีซีเอสเอฟมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ห้ามใช้ยาจีซีเอสเอฟทันทีหลังการทำเคมีบำบัด ต้องเว้นระยะเวลาอย่างน้อยประมาณ 24 ชั่วโมงไปแล้วจึงสามารถใช้ยาจีซีเอสเอฟกับผู้ป่วยได้
ควรเก็บรักษายาจีซีเอสเอฟอย่างไร?
ควรต้องเก็บยาจีซีเอสเอฟ เช่น
- เก็บยาระหว่างอุณหภูมิ 2 - 8 องศาเซลเซียส (Celsius)
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- และไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำ
ยาจีซีเอสเอฟมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาจีซีเอสเอฟ มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิตเช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Granocyte (แกรโนไซท์) | Chugai |
Leuco-Plus (ลูโค-พลัส) | Apexcela |
Neupogen (นูโพเจน) | Roche |
Neutromax (นูโทรแม็กซ์) | Bio Sidus |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Granulocyte_colony-stimulating_factor [2020,July4]
- https://www.cancerresearchuk.org/about-cancer/cancer-in-general/treatment/cancer-drugs/drugs/g-csf [2020,July4]
- http://chemocare.com/chemotherapy/drug-info/g-csf.aspx#.VDYJ32eSwug [2020,July4]
- https://patents.google.com/patent/EP2341061B1/en [2020,July4]
- http://www.mims.com/Thailand/drug/search/?q=granulocyte%20colony%20stimulating%20factor [2020,July4]
- http://www.mims.com/Captcha/DefaultCaptcha?returnUrl=http%3a%2f%2fwww.mims.com%2fThailand%2fdrug%2finfo%2fNeupogen%2f%3ftype%3dbrief [2020,July4]
- http://www.mims.com/Captcha/DefaultCaptcha?returnUrl=http%3a%2f%2fwww.mims.com%2fThailand%2fdrug%2finfo%2fNeutromax%2f%3ftype%3dbrief [2020,July4]
- http://www.mims.com/Captcha/DefaultCaptcha?returnUrl=http%3a%2f%2fwww.mims.com%2fthailand%2fdrug%2finfo%2fsargramostim%3fmtype%3dgeneric [2020,July4]
- http://www.mims.com/Captcha/DefaultCaptcha?returnUrl=http%3a%2f%2fwww.mims.com%2fUSA%2fdrug%2finfo%2fsargramostim%2f%3ftype%3dbrief%26mtype%3dgeneric [2020,July4]