คุยกับหมอสมศักดิ์ ตอนเมื่อคุณพบแพทย์ ตอนที่ 3 ชานั้นสำคัญไฉน
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 23 พฤษภาคม 2557
- Tweet
หลายคนคงต้องเคยมีอาการชาเกิดขึ้นที่แขน มือ ขา หรือที่ใบหน้า ก็เกิดความสงสัยว่าตนเองเป็นอะไร จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า อาการชาเป็นอาการเตือนของอัมพาตหรือไม่ หลายคำถามหลายข้อสงสัยเกิดขึ้นในหัวมากมาย จึงไปพบแพทย์ พอไปพบแพทย์ก็ถูกถามคำถามมากมาย แต่ตอบหมอไม่ได้เลยว่าตนเองมีอาการอะไรบ้าง ตอบได้แค่ว่ามีอาการชาอย่างเดียว แพทย์ก็เลยไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าตนเองเป็นโรคอะไร ดังนั้นเมื่อเราไปพบแพทย์ต้องเตรียมคำตอบอะไรไปบ้าง แพทย์จะถามอะไรเราบ้าง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเตรียมตัวพบแพทย์
อาการชาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นที่ตำแหน่งใดบ้าง เช่น แขนซ้ายหรือแขนขวา หรือเป็นทั้ง 2 ข้าง ชาครึ่งซีกลำตัว ที่ใบหน้าด้านซ้าย เป็นต้น เพราะตำแหน่งที่มีอาการชานั้นจะสามารถบอกได้ว่าเป็นโรคอะไร ได้แก่ ชาที่มือตั้งแต่ข้อมือขึ้นไป และชาเฉพาะ 3 นิ้ว คือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง สาเหตุก็น่าจะเป็นจากเส้นประสาทมีเดียนตรงข้อมือถูกกดทับ(โรคเส้นประสาทมีเดียนกดทับที่ข้อมือ)
- ถ้าชาครึ่งซีกของร่างกาย สาเหตุก็น่าจะอยู่ในสมอง เป็นต้น
- อาการชาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นมานานเท่าไหร่ เช่น เป็นขึ้นมาทันที เป็นมาสัปดาห์ เดือน หรือเป็นปี ถ้าอาการเป็นขึ้นมาทันทีทันใด สาเหตุก็น่าจะเป็นจากโรคหลอดเลือดสมอง ถ้าเป็นมากขณะทำกิจกรรมก็น่าจะเกิดจากการที่เส้นประสาทถูกกดทับจากการทำงาน
- อาการที่เกิดขึ้นนั้นมีลักษณะการดำเนินโรคอย่างไร เช่น ค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นๆหายๆ อาการเป็นเท่าเดิมตลอด อาการค่อยๆ ดีขึ้น เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนหรือไม่ อะไรทำให้มีอาการมากขึ้น อะไรที่ทำให้อาการชาลดลง เป็นต้น
- อาการชาที่เป็นนั้นมีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วยหรือไม่ เช่น อาการชาร่วมกับอาการออกร้อน เข็มทิ่มแทง อาการชาร่วมกับอาการอ่อนแรง อาการชาร่วมกับอาการเดินเซ เป็นต้น
- อาการร่วมอื่นๆมีหรือไม่ เช่น ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน ปวดศีรษะ ไข้หวัด ปัสสาวะไม่ออก เป็นต้น
- โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไตเสื่อม มะเร็ง เป็นต้น
- ยาที่ทานเป็นประจำ หรือยาที่ได้รับมาจากแพทย์ท่านอื่น
- ท่านเคยเกิดอุบัติเหตุมาหรือไม่ เช่น เคยกระดูกหักที่ข้อมือ ขา สะโพก เป็นต้น
- ท่านเคยไปตรวจกับแพทย์ท่านอื่นๆ มาก่อนหรือไม่มีผลการตรวจใดๆ มาบ้าง และได้รับยาอะไรมา แพทย์บอกว่าท่านเป็นโรคอะไร
- มีอาการผิดปกติอะไรนำมาก่อนหรือไม่ เช่น ไข้หวัด ท้องเสีย ถ่ายเหลว
- ได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อนหรือไม่
- การทานอาหาร ทานมังสวิรัติหรือไม่ เลือกอาหารที่ทานเฉพาะบางชนิดหรือไม่
- มีประวัติแพ้ยาอะไรหรือไม่
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าข้อมูลจากประวัติที่แพทย์ต้องการนั้นมีหลายคำถามที่ต้องการคำตอบจากผู้ป่วยและญาติที่ไปด้วย การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์เป็นเรื่องสำคัญ มิฉะนั้นท่านอาจเสียโอกาสในการพบแพทย์ครั้งนั้นๆ และส่งผลให้การวินิจฉัยล่าช้า