คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน: ผู้เป็นโรคมะเร็งจะรู้สึกอย่างไร?
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 8 กันยายน 2557
- Tweet
วันนี้ได้พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมท่านหนึ่ง อายุ 48 ปี เธอเป็นทั้ง คุณครู ภรรยา ลูกสาวที่พ่อแม่ภูมิใจ และเธอเองมีลูกวัยเป็นนักศึกษา หญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง ทุกคนในครอบครัวดูตื่นกลัวกับโรคนี้มาก คนที่ดูจะเข็มแข็งที่สุด คือ ตัวผู้ป่วยเอง
การมีคนที่เรารักและผูกพันเป็นโรคมะเร็ง บ่อยครั้งเรามักไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเพื่อช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้กับคนที่เรารักและผูกพัน การที่เราจะทำตัวหรือช่วยเหลือคนที่เรารักและผูกพันได้ถูกต้อง เราควรต้องรู้ว่า ผู้ที่เราอยากดูแลช่วยเหลือนั้นรู้สึกอย่างไร ตามทฤษฎี คนที่จะบอกเราได้ดีที่สุดคือผู้ป่วยเอง แต่ในความเป็นจริง ผู้ป่วยจะไม่สามารถบอกเราได้และแม้แต่จะบอกตัวเองก็ยังไม่รู้เพราะมักอยู่ในภาวะ กลัว กังวล สับสน ไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง อะไรจะเกิด จะรับไหวไหม
มีการศึกษาด้านอารมณ์ของผู้ป่วยมะเร็งอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พบว่า ผู้ป่วยมะเร็งจะมีอารมณ์ได้หลากหลายในแต่ละวัน บางจังหวะก็มีอารมณ์หนึ่งมาก บางจังหวะก็มีอีกอารมณ์ ทั้งนี้ขึ้นกับสิ่งเข้ามากระทบ หรือจากความคิดของผู้ป่วยเอง ยิ่งมีภาระมากก็ยิ่งมีอารมณ์เปลี่ยนแปลง รวนเรง่าย
อารมณ์หลากหลายของผู้ป่วยมะเร็งในแต่ละวัน เช่น
- กังวล
- ไม่เชื่อ
- ไม่แน่ใจ
- เศร้า
- หวั่นไหว กลัว
- ห่วง
- ไม่มั่นคง
- สูญเสีย
- มีความหวัง
- ไม่มีความหวัง สิ้นหวัง
- เบื่อหน่าย
- หมดหวัง
- ไม่อยากต่อสู้
- อยากต่อสู้
- ไม่อยากพบปะผู้คน
- เบื่อหน่าย
- เบื่ออาหาร
- นอนไม่หลับ
- ง่วงซึม
- ปฏิเสธทุกอย่าง บางอย่าง
- ขาดความมั่นคงในชีวิต
- ต้องการความช่วยเหลือ
- ไม่อยากรับความช่วยเหลือ
- ขาดศรัทธา
- ยึดมั่นในไสยศาสตร์
- ไม่ยินดียินร้าย
- หวาดระแวง
- กลัวการสูญเสีย
- เสียใจ เสียดาย
- โกรธ หงุดหงิด
- ส่วนน้อยอาจรู้สึกมีความสุข เพราะรู้แล้วว่าตนเองจะเผชิญกับอะไร
- ฯลฯ
ทั้งนี้ สิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยมะเร็งมากที่สุด คือ การได้ระบาย และมีผู้ที่หวังดีต่อผู้ป่วยที่พร้อมรับฟังความรู้สึกของผู้ป่วย การดูแลของครอบครัวต่อผู้ป่วยที่ดีที่สุดและจำเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ป่วย จึงเป็นการมีเวลาให้ผู้ป่วย
เมื่อมีผู้ป่วยมะเร็งในครอบครัว ครอบครัวควรต้องช่วยกันจัดตารางชีวิตที่รวมถึงงานและการเรียนการศึกษา เพื่อช่วยกัน ให้มีเวลาในการพูดคุย รับฟัง เป็นกำลังใจ เป็นเพื่อนผู้ป่วย ทั้งช่วงอยู่บ้าน การไปพบแพทย์ และช่วงที่จำเป็นต้องอยู่ในโรงพยาบาล
ดังนั้น คนในครอบครัวที่ใกล้ชิดผู้ป่วย จึงควรต้องมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็งที่จะเป็นที่พึ่ง ที่พักพิงของผู้ป่วยได้ เพราะครอบครัวเองจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับตัว ปรับชีวิตไปพร้อมๆกับผู้ป่วยด้วย เพื่อช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันให้ผ่านวิกฤตของชีวิตไปด้วยกัน ด้วยความเข้าใจและเห็นใจซึ่งกันและกัน
สรุป การดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ดีที่สุด คือ การมีเวลาให้ผู้ป่วย
พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์