คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน ปัจจัยต่อการเสียชีวิตในผู้ป่วยเนื้องอกเจิมเซลล์
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 17 กุมภาพันธ์ 2563
- Tweet
เนื้องอกหรือมะเร็งเจิมเซลล์(Germ cell tumor ย่อว่า GCT)เป็นเนื้องอกพบน้อย มัก เกิดในวัยหนุ่มสาว เป็นเนื้องอก/มะเร็งที่ทั่วไปมีการพยากรณ์โรคดีมากเพราะตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดได้ดีมากๆ เป็นมะเร็งที่รักษาให้หายได้ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม/ชนิดคือ ชนิด Seminoma/เซมิโนมา และ ชนิดไม่ใช่เซมิโนมา(Non seminoma)
เนื้องอก/มะเร็งเจิมเซลล์เป็นมะเร็งของเซลล์ตัวอ่อนของอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายรวมถึงในสมอง แต่พบบ่อยที่อัณฑะ(ในผู้ชาย) และรังไข่(ในผู้หญิง) การรักษาหลักคือ การผ่าตัด และร่วมกับยาเคมีบำบัดกรณีโรคระยะลุกลาม หรือเป็นเซลล์มะเร็งชนิดไม่ใช่เซมิโนมา
คณะแพทย์จาก โรงพยาบาล Memorial Sloan Kettering Cancer Center นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา นำโดย นพ.Samuel A. Funt ได้ศึกษาว่าการที่มะเร็งเจิมเซลล์ชนิดไม่ใช่เซมิโนมาซึ่งมีเซลล์เนื้องอกชนิดอื่นที่เรียกว่าTeratoma/เทอราโตมาปะปนร่วมด้วยจะมีผลต่อการพยากรณ์โรคอย่างไร ซึ่งได้รายงานผลการศึกษานี้ในวารสารการแพทย์ JCO( Journal of Clinical Oncology) ฉบับ 10กันยายน 2019
การศึกษานี้ศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งเจิมเซลล์ชนิดไม่ใช่เซมินา 193 รายที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดชนิด Cisplatin เป็นหลัก ซึ่งในผู้ป่วยกลุ่มนี้พบมีเซลล์เทอราโตมาปะปนด้วย82ราย ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการติดตามโรคมีระยะกึ่งกลาง(Median)=17ปี/ช่วง0.3-35ปี พบผู้ป่วยเสียชีวิตทั้งหมด58ราย (จากมะเร็งฯ 47ราย, และจากสาเหตุอื่นๆ11ราย)
- ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากมะเร็งฯมักเสียชีวิตภายใน5ปีหลังวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งฯและเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรครุนแรง
- ผู้ป่วยกลุ่มเสียชีวิตมีเซลล์มะเร็งชนิดเทอราโตมาปะปนด้วยอย่างมีความสำคัญทางสถิติ (p=0.03)
- และในกลุ่มมีเซลล์เทอราโตมาปะปน พบว่าผู้ป่วยกลุ่มเซลล์เทอราโตมาเป็นชนิดเซลล์ตัวแก่ (Mature teratoma) เสียชีวิตจากโรคมะเร็งฯสูงกว่าผู้ป่วยที่เซลล์เทอราโตมาเป็นชนิดเซลล์ตัวอ่อน หรือ กลุ่มไม่มีเซลลเทอราโตมาปะปนอย่างมีความสำคัญทางสถิต (p=0.01)
คณะผู้ศึกษาสรุปว่า เซลล์ชนิดเทอราโตมา โดยเฉพาะเป็นชนิดเซลล์ตัวแก่ที่ปะปนในมะเร็งเจิมเซลล์ เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเสียชีวิตจากตัวมะเร็งเองของผู้ป่วยมะเร็งเจิมเซลล์ชนิดไม่ใช่เซมิโนมาที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดที่มียาCisplatinเป็นหลัก
แหล่งข้อมูล:
- JCO. 2019;37(26): 2329–2337 (abstract)