คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน การสูบบุหรี่มีผลต่อการรักษามะเร็งคอหอยส่วนปากที่ติดเชื้อเอชพีวีอย่างไร?

  • โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
  • 28 ตุลาคม 2562
  • Tweet
คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง-328

      

      ปัจจุบันพบว่า มะเร็งคอหอยส่วนปากแบ่งออกเป็น2กลุ่มคือ กลุ่มที่มีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีร่วมด้วย และกลุ่มที่ไม่มีการติดเชื้อเอชพีวี คณะแพทย์จากประเทศแดนาดาต้องการศึกษาว่า การสูบบุหรี่มีผลต่อผลการรักษามะเร็งคอหอยส่วนปากที่ติดเชื้อเอชพีวีระยะที่โรคลุกลามแล้วหรือไม่และอย่างไร การศึกษานี้นำโดย พญ. Nafeesa Vawda แพทย์รังสีรักษา และได้รายงานผลการรักษาในวารสารการแพทย์ชื่อ The Int J Radiat Oncol Biol Phys เมื่อ 1 เมษายน 2019

      การศึกษานี้เป็นการศึกษาย้อนหลังในผู้ป่วยมะเร็งคอหอยส่วนปากระยะลุกลามที่ติดเชื้อเอชพีวีจากแคนาดาทั้งหมด 352รายในช่วงปี 2006-2015 และมีค่ากึ่งกลางของระยะเวลาติดตามโรคที่ 4.2ปี ทั้งหมดได้รับการรักษาเพื่อหวังผลหายขาด โดย

  • ผู้ป่วย 238ราย(67.6%) คน ได้รับการรักษาด้วยรังสีรักษาร่วมกับยาเคมีบำบัด, ผู้ป่วย114ราย(32.4%)ใช้การผ่าตัดเป็นหลัก
  • ผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ ระยะกึ่งกลางของปริมาณบุหรี่ที่สูบคือ 15 ซอง/ปี, 27%ยังสูบบุหรี่อยู่เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง, 40.3% เคยสูบบุหรี่, และ32.7%ไม่เคยสูบบุหรี่

      ผลการศึกษาพบว่า:

  • อัตรารอดชีวิต และอัตราปลอดโรคไม่ต่างกันระหว่างกลุ่มผู้ป่วยที่ได้เฉพาะรังสีรักษา+ยาเคมีบำบัด,และกลุ่มที่ได้รับการรักษาหลักด้วยการผ่าตัด
  • อัตราปลอดโรค(Relapse free survival)หลังรักษาในกลุ่มยังสูบบุหรี่จนถึงวันวินิจฉัยโรค เลวกว่าในกลุ่มไม่สูบบุหรี่และกลุ่มที่หยุดสูบก่อนเกิดโรคอย่างมีความสำคัญทางสถิติ ค่า p = 0.03
  • อัตรารอดชีวิต(Overall survival)หลังรักษาในกลุ่มยังสูบบุหรี่จนถึงวันวินิจฉัยโรค เลวกว่าในกลุ่มไม่สูบบุหรี่และกลุ่มที่หยุดสูบก่อนเกิดโรคอย่างมีความสำคัญทางสถิติ ค่า p = 0.0001
  • อัตรารอดชีวิตขึ้นกับปริมาณบุหรี่ที่สูบ ยิ่งสูบจัด อัตรารอดชีวิตยิ่งต่ำ คือ อัตรารอดชีวิตเมื่อสูบ 10, 20, 30 ซองต่อปี คือ 73.2%, 64.7%, 59.1% ตามลำดับ

      คณะผู้ศึกษาสรุปว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งคอหอยส่วนปากที่ติดเชื้อเอชพีวีและมีโรคในระยะลุกลามที่ได้รับการรักษาเพื่อการหายขาด ผลการรักษาจะแย่ลงอย่างมีความสำคัญทางสถิติในกลุ่มที่สูบบุหรี่จัดและยังสูบบุหรี่ต่อเนื่องจนถึงวันวินิจฉัยโรค

แหล่งข้อมูล:

  1. Int J Radiat Oncol Biol Phys. 2019; 103(5):1125-1131