คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน: ผลข้างเคียงของยาต้านฮอร์โมนรักษามะเร็ง ทามอกซิเฟน (Tamoxifen)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 9 กันยายน 2556
- Tweet
ยาทามอกซิเฟน (Tamoxifen) หลายคนเรียกย่อว่า แทม (TAM) เป็นยาเม็ด ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นยาต้านฮอร์โมนเพศหญิง เอสโตรเจน (Estrogen) ที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อเต้านม แต่ยาจะออกฤทธิ์ได้ ต่อเมื่อเนื้อเยื่อนั้นต้องมีตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen receptor ย่อว่า อีอาร์/ER) เท่านั้น
ทางการแพทย์ ใช้ยาทามอกซิเฟนมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมชนิดที่เนื้อเยื่อมะเร็งเต้านมมีตัวรับฮอร์โมน โดยให้การรักษาต่อเนื่องหลังจากผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัดครบแล้ว หรือให้หลังการผ่าตัดโดยไม่มีการให้ยาเคมีบำบัดทั้งนี้ขึ้นกับระยะของโรคมะเร็ง
โดยทั่วไป ขนาดยาทามอกซิเฟนที่ใช้ในการรักษามะเร็งเต้านม คือ กินยา วันละ 20 มิลลิกรัม ซึ่งอาจกินยาก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ โดยกินทุกวันต่อเนื่องนาน 5 ปี แต่ในบางครั้งในผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจให้ยาทามอกซิเฟนนาน 2-3 ปี แล้วเปลี่ยนไปกินยาต้านฮอร์โมนอีกชนิด ทั้งนี้ขึ้นกับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
เนื่องจากเป็นยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน การกินยาในช่วงเวลาเดียวกับของทุกวัน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาได้ เช่น ทานยาในช่วงเช้า ก็ให้กินในช่วงเช้าของทุกๆวันต่อเนื่อง ตลอดไป เป็นต้น
อนึ่ง ยาทามอกซิเฟนอาจใช้รักษาโรคเนื้องอก หรือ โรคมะเร็งชนิดอื่นๆที่มีตัวจับฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ เช่น โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก หรือ โรคเนื้องอกสมองชนิด Meningioma เป็นต้น หรืออาจใช้รักษาโรคอื่นๆได้อีก เช่น โรคต่อมไทรอยด์อักเสบบางชนิด โรคกระดูกพรุน โรคพังผืดในช่องท้อง เป็นต้น นอกจากนั้น ยังใช้ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิงบางกลุ่มได้อีกด้วยอย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป ยาตัวนี้หลัก จะใช้รักษามะเร็งเต้านม ดังได้กล่าวแล้ว
ดังนั้นบทความนี้ จึงเล่าถึงบทบาทของยาตัวนี้เฉพาะในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมเท่านั้น
เนื่องจากเป็นยาที่ต้องกินต่อเนื่องนานถึง 5 ปี (ปัจจุบัน กำลังมีการศึกษาถึงประโยชน์ และโทษ ถ้าจะกินยาตัวนี้ต่อเนื่องนานถึง 10 ปี) หลายคนจึงกังวลในเรื่องของผลข้างเคียงจากยาทามอกซิเฟน (อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบระหว่างผลดี และผลข้างเคียงแล้ว ยาทามอกซิเฟนเป็นยามีประโยชน์อย่างมาก)
-ข้อดีของยาทามอกซิเฟน นอกจากเป็นยาที่มีประสิทธิภาพใช้รักษาควบคุมโรคมะเร็งเต้านมที่มีตัวรับฮอร์โมนแล้ว ยาตัวนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ คือ
- ลดไขมันในเลือด จึงอาจช่วยลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุน
- ลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งเต้านมในเต้านมอีกข้าง
-ข้อเสีย/ผลข้างเคียงของยาทามอกซิเฟน
--ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย
- ร้อนวูบวาบ เนื่องจากเป็นยาต้านฮอร์โมนเอสโตรเจน ผู้ป่วยจึงมีอาการเหมือนในวัยหมดประจำเดือนได้
- ในผู้ป่วยที่ยังมีประจำเดือน ยาอาจส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
- ช่องคลอดแห้ง
- อาจมีตกขาว มีกลิ่นคาวเล็กน้อย แต่ปริมาณไม่มาก อาจมีสีขาว หรือสีออกน้ำตาล
- อาจมีอาการบวมตามนิ้วมือ นิ้วเท้า และเท้า
- น้ำหนักขึ้นง่าย
- คลื่นไส้ (อาการไม่มาก)
- ปวดศีรษะ (อาการไม่มาก)
--ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย
- มะเร็งของมดลูก เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก พบได้ประมาณ 1.26 รายใน 1000 รายของผู้ที่ใช้ยาตัวนี้ อย่างไรก็ตาม ทามอกซิเฟน ไม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดอื่นๆ
- มีภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
- ตาเป็นภาพมัวลง
- ตับอักเสบ (พบได้น้อยมากๆ)
- มีผลต่อทารกในครรภ์ อาจพิการได้ ดังนั้น ผู้กินยานี้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ต้องมีการคุมกำเนิด ด้วยวิธีไม่ใช้ยาฮอร์โมนคุมฯ ตามคำแนะนำของแพทย์เสมอ
- อารมณ์แปรปรวน
- ความรู้สึกและความต้องการทางเพศลดลง
- อาจซึมเศร้า
- อาจอ่อนเพลียง่าย
- ขึ้นผื่น คัน หรือ ผมร่วง (พบได้น้อยมากๆ)
บรรณานุกรม:
- Tamoxifen http://en.wikipedia.org/wiki/Tamoxifen
- Tamoxifen side effect http://www.drugs.com/sfx/tamoxifen-side-effects.html
- Tamoxifen and uterine cancer http://www.acog.org/Resources_And_Publications/Committee_Opinions/Committee_on_Gynecologic_Practice/Tamoxifen_and_Uterine_Cancer