กลุ่มอาการทอกสิกช็อก (Toxic shock syndrome)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

กลุ่มอาการทอกสิกช็อก(Toxic shock syndrome ย่อว่า TSS) เป็นกลุ่มอาการจากร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียชนิดรุนแรงเฉียบพลัน กลุ่มอาการนี้มีความรุนแรงโรคสูงที่เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้อาการของกลุ่มอาการนี้ ไม่ได้เกิดจากตัวแบคทีเรียโดยตรง แต่จะเกิดจากสารชีวพิษ(Toxin)ที่แบคทีเรียสร้างขึ้น ซึ่งสารชีวพิษนี้จะแพร่กระจายตามกระแสเลือดและก่ออันตรายกับอวัยวะต่างๆทุกระบบพร้อมกันทั่วร่างกาย โดยเฉพาะกับอวัยวะสำคัญต่อการดำรงชีวิต เช่น ตับ ปอด ไต และหัวใจ

กลุ่มอาการทอกสิกช็อก เป็นกลุ่มอาการพบทั่วโลก ทุกเชื้อชาติ แต่พบได้น้อย มีรายงานจากสหรัฐอเมริกาพบกลุ่มอาการนี้ได้ประมาณ 1.5-5รายต่อประชากร 1 แสนคน พบในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ โดยพบในเด็กได้น้อยเพียงประมาณ 5-6% พบในผู้สูงอายุมากกว่า60ปีได้ประมาณ 20% ในอดีต ในยุคแรกๆของการนำผ้าอนามัยแบบสอดมาใช้ จะพบกลุ่มอาการนี้ได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธ์จากการติดเชื้อจากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด แต่ปัจจุบัน พบกลุ่มอาการนี้ได้ใกล้เคียงกันทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย จากการที่ผู้หญิงปัจจุบันได้เรียนรู้วิธีถูกต้องในการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดที่จะช่วยป้องกันเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่นำไปสู่กลุ่มอาการนี้

กลุ่มอาการทอกสิกช็อกมีสาเหตุจากอะไร?

กลุ่มอาการทอกสิกซ็อก

สาเหตุของกลุ่มอาการทอกสิกช็อก เกิดจากร่างกายติดเชื้อแบคทีเรียชนิดที่สามารถสร้างสารชีวพิษรุนแรงได้ ที่พบบ่อยได้แก่ เชื้อ

  • Staphylococcus aureus (S. aureus)
  • Streptococcus pyogenes หรืออีกชื่อคือ Group A Streptococcus ย่อว่า GAS
  • Clostridium sordellii

ทั้งนี้

  • การติดเชื้อ S. aureus อาจเป็นการติดเชื้อจากการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดอย่างผิดวิธี, จากภาวะปอดอักเสบ, จากไซนัสอักเสบ, กระดูกอักเสบ, มีแผลที่ผิวหนัง เช่น แผลไหม้ แผลจากการผ่าตัด
  • การติดเชื้อ GAS มักเป็นการติดเชื้อที่เกิดตามหลัง การติดเชื้อจากโรคอีสุกอีใส, การติดเชื้อรุนแรงที่ผิวหนังและที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้ผิวหนัง, หรือเป็นการติดเชื้อในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ
  • การติดเชื้อ Clostridium sordellii ซึ่งในภาวะปกติทั่วไป แบคทีเรียชนิดนี้จะเป็นเชื้อประจำถิ่นในช่องคลอดที่ไม่ก่อโรค แต่ในช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น ระหว่างมีประจำเดือน หรือช่องคลอดมีการฉีกขาด เช่น จากการคลอดบุตร การทำแท้ง หรือมีหัตถการทางการแพทย์ผ่านทางช่องคลอด เช่น ขูดมดลูก จะส่งผลให้เชื้อนี้อาจเข้าสู่กระแสเลือด จนก่อให้เกิดกลุ่มอาการทอกสิกช็อกได้ และที่รวมถึงเป็นการติดเชื้อกรณีใช้ผ้าอนามัยแบบสอดที่ผิดวิธี

ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดกลุ่มอาการทอกสิกช็อก?

ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดกลุ่มอาการทอกสิกช็อก คือ

  • ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดผิดวิธี (อ่านเพิ่มเติมเรื่องนี้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ผ้าอนามัยแบบสอด)
  • มีแผลผ่าตัด
  • มีการติดเชื้อรุนแรงที่ผิวหนัง และ/หรือที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้ผิวหนัง
  • สตรีที่เพิ่ง คลอดบุตร, แท้งบุตร ที่รวมถึงการแท้งตามธรรมชาติ และการทำแท้ง, หรือที่มีหัตถการทางการแพทย์ผ่านช่องคลอด เช่น การขูดมดลูก

กลุ่มอาการทอกสิกช็อกมีอาการอย่างไร?

อาการของกลุ่มอาการทอกสิกช็อก ที่พบบ่อย ได้แก่

  • มีไข้สูงเฉียบพลัน ไข้มักสูงกว่า 38.9 องศาเซลเซียส(Celsius)
  • หนาวสั่น
  • ปวดศีรษะมาก ปวดกล้ามเนื้อทั่วตัว
  • ปวดท้อง
  • อ่อนเพลียมาก
  • ความดันโลหิตต่ำ อาจต่ำมาก
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • เนื้อตัวแดง จากมีหลอดเลือดขยายทั่วตัว
  • ปัสสาวะน้อยจากไตอักเสบเฉียบพลัน ไตจึงทำงานได้น้อยลง
  • ตับอักเสบเฉียบพลัน มีเอนไซม์การทำงานของตับในเลือดสูง
  • มีผื่นแดง กระจายตามผิวหนังทั่วตัว
  • มีจำห้อเลือดทั่วตัวจากเกล็ดเลือดต่ำ จึงเกิดภาวะโลหิตจาง/ภาวะซีดได้
  • ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า หลุดลอก
  • สับสน กระสับกระส่าย
  • หายใจลำบาก
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ลำตัว ใบหน้า แขน ขา มือ เท้า บวม
  • ช็อก

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

เมื่อมีอาการดังกล่าวในหัวข้อ “อาการฯ”โดยเฉพาะเมื่อเกิดในผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดกลุ่มอาการทอกสิกช็อกดังกล่าวในหัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยงฯ” ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน

แพทย์วินิจฉัยกลุ่มอาการทอกสิกช็อกอย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยกลุ่มอาการทอกสิกช็อกได้จาก ประวัติอาการ ประวัติที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่างดังกล่าวในหัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยงฯ” และการตรวจสืบค้นเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด CBC การตรวจเพาะเชื้อจากเลือด การตรวจปัสสาวะ การเจาะหลัง และการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆตามอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์เป็นกรณีๆไป เช่น เอกซเรย์ปอดกรณีมีอาการหายใจลำบาก เป็นต้น

รักษากลุ่มอาการทอกสิกช็อกอย่างไร?

แนวทางการรักษากลุ่มอาการทอกสิกช็อกจะเป็นการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล โดย

  • ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ
  • ให้สารน้ำและElectrolyte(เกลือแร่)ทางหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และภาวะร่างกายเสียสมดุลของเกลือแร่
  • ให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ กรณีกินอาหารไม่ได้ หรือกินได้น้อย
  • ให้ยาเพิ่มความดันโลหิต
  • ให้เลือด กรณีเกิดภาวะซีด หรือให้เกล็ดเลือดกรณีเกล็ดเลือดต่ำ
  • ดูแลรักษาแผล กรณีผู้ป่วยมีแผล
  • ให้ออกซิเจนช่วยการหายใจ
  • ให้ยาลดไข้ กรณีไข้สูง
  • ให้ยาต่างๆตามอาการ เช่น ยาแก้ปวด
  • อาจต้องมีการผ่าตัด เพื่อตัดอวัยวะที่เป็นต้นตอของเชื้อ เช่น ตัดเท้าเมื่อมีแผลรุนแรงที่เท้า ตัดมดลูกกรณีมีการติดเชื้อรุนแรงที่มดลูก เป็นต้น

กลุ่มอาการทอกสิกช็อกมีผลข้างเคียงอย่างไร?

ผลข้างเคียงจากกลุ่มอาการทอกสิกช็อก ได้แก่ กรณีมีแผลที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการนี้ ซึ่งถ้าการใช้ยาปฏิชีวนะไม่ได้ผล แผลไม่ดีขึ้น แพทย์อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาต้นตอของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อกลุ่มอาการนี้ออกไป เช่น ตัดนิ้วกรณีมีแผลที่นิ้ว หรือ ตัด แขน หรือขา กรณีมีแผลที่แขน หรือที่ขา

กลุ่มอาการทอกสิกช็อกมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

กลุ่มอาการทอกสิกช็อก เป็นกลุ่มอาการที่มีความรุนแรงโรคสูงมาก ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตได้ประมาณ 30-70% โดยขึ้นกับ ความรุนแรงของอาการ ชนิดของเชื้อแบคทีเรียว่า มีการตอบสนองที่ดีต่อยาปฏิชีวนะหรือไม่ การมีโรคประจำตัว และการมาพบแพทย์ล่าช้าที่ทำให้อวัยวะสำคัญต่างๆทำงานล้มเหลวไปแล้ว เช่น ตับล้มเหลว หัวใจล้มเหลว ไตล้มเหลว ภาวะหายใจล้มเหลว ภาวะช็อก

อนึ่ง กลุ่มอาการนี้เมื่อได้รักษาหายแล้ว สามารถเกิดเป็นซ้ำได้เสมอ ถ้ายังมีปัจจัยเสี่ยงตามที่ได้กล่าวในหัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยงฯ”

ดูแลตนเองอย่างไร?

การดูแลตนเองกรณีกลุ่มอาการทอกสิกช็อกเมื่อแพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลกลับมาดูแลตนเองต่อที่บ้าน คือ

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำอย่างเคร่งครัด
  • กินยาที่แพทย์สั่ง ให้ครบถ้วน ไม่หยุดยาเอง
  • ดูแลรักษาแผลที่เป็นต้นตอของกลุ่มอาการ ตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำให้ถูกต้อง เคร่งครัด
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ)เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ลดการติดเชื้ออื่นๆแทรกซ้อน
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัด

พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?

ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ

  • อาการต่างๆเป็นมากขึ้น เช่น แผลที่เคยแห้งไปแล้ว กลับอักเสบรุนแรง หรือมี หนอง
  • มีอาการใหม่เกิดขึ้น เช่น หายใจลำบาก บวมเท้า สับสน ตาเห็นภาพไม่ชัด กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ท้องเสียมาก คลื่นไส้ อาเจียนมาก เวียนศีรษะมาก
  • กังวลในอาการ

ป้องกันกลุ่มอาการทอกสิกช็อกอย่างไร?

ป้องกันกลุ่มอาการทอกสิกช็อกได้โดย ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการนี้ดังได้กล่าวในหัวข้อ”ปัจจัยเสี่ยงฯ” เช่น

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ ควรต้องเคร่งครัดในการใช้อย่างถูกวิธี (อ่านเพิ่มเติมเรื่องนี้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ผ้าอนามัยแบบสอด)
  • ไม่ทำแท้งอย่างผิดกฏหมาย
  • ควรวางแผนที่จะตั้งครรภ์ โดยปรึกษาสูติแพทย์ก่อน เพื่อป้องกัน/ลดโอกาสเกิดการแท้งบุตร
  • รีบฝากครรภ์กับสูติแพทย์ ตั้งแต่ทราบว่าตั้งครรภ์ (อ่านเพิ่มเติมเรื่องนี้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง การฝากครรภ์)เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการทำหัตถการทางการแพทย์จากการคลอดบุตรฉุกเฉิน
  • ป้องกัน หรือควบคุมรักษาโรคที่เป็นสาเหตุให้เกิดแผลรุนแรง เรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน
  • เมื่อมีการผ่าตัด ต้องดูแลแผลผ่าตัดอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล เพื่อป้องกันไม่ให้แผลผ่าตัดติดเชื้อ และเมื่อสงสัยแผลผ่าตัดติดเชื้อ เช่น แผลไม่แห้ง/แผลมีน้ำเหลืองซึมออกมา ต้องรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที

บรรณานุกรม

  1. Bamberger, D.M. and Boys, S.E. Am Fam Physician. 2005;72(12):2474-2481
  2. http://emedicine.medscape.com/article/169177-overview#showall [2018,Sept29]
  3. https://en.wikipedia.org/wiki/Toxic_shock_syndrome [2018,Sept29]
  4. http://www.nhs.uk/Conditions/Toxic-shock-syndrome/Pages/Introduction.aspx [2018,Sept29]