กระดานสุขภาพ

กลุ้มใจมากค่ะ จะจบอยู่แล้ว ช่วยตอบหน่อยนะคะ
Anonymous

27 ธันวาคม 2557 11:46:02 #1

คุณหมอคะ คือหนูมีอะไรกับแฟนวันที่18ค่ะ คือไม่ได้ใส่ถุงแล้วหลั่งนอก โดยที่เอาออกมาซัก 15 วิก่อนหลั่งอ่ะค่ะ แล้วหลังจากนั้นสองวันหนูจึงกินยาคุมฉุกเฉิน โดยกินตามกำหนดเป๊ะๆ แล้วหลังจากนั้นอีกสองวัน คือประมาณวันที่ 23 ก็มีอะไรกันอีกค่ะ พลาดอีกแล้ว คือไม่มีถุงยาง ครั้งนี้เอาเข้าๆออกๆนะคะ ไม่ได้ใส่ข้างในตลอด แล้วเอาออกมาหลั่งนอกค่ะ โดยเอาออกมาก่อนหลั่งประมาณ เกือบ 10วิ หนูก็กลุ้มแต่แฟนบอกว่าเค้าชัวนะคะ พอผ่านไปเกือบสามวันหนูทนไม่ไหวเลยทานยาคุมฉุกเฉินอีกรอบแบบสองเม็ดพร้อมกัน ซึ่งทานประมานวันที่ 26(เมื่อวาน) แล้วคือเมื่อวานหนูเหมือนมีเมือกใสๆออกมา แต่ไม่เยอะนะคะ หนูไม่ได้ลองยืดดูว่ายืดได้ไม๊ ส่วนวันนี้ก็มีตกขาวนิดหน่อยค่ะ (โดยส่วนตัวแล้วหนูไม่ค่อยมีตกขาว) คือตามจริงแล้วประจำเดือนต้องมาพรุ่งนี้ค่ะคือวันที่ 28 (แต่หนูเป็นคนมาไม่ตรงเดือนที่แล้วเลทจากเดือนก่อนประมาณ10วัน) ตอนนี้หนูไม่ค่อยมีอาการ PMS เลยค่ะ จะมีก็แค่เจ็บๆหน้าอกนิดหน่อย รู้สึกหน้าอกใหญ่ขึ้น ปกติจะปวดท้องหน่วงๆ ตอนนี้ไม่ค่ะ ปวดท้องเหมือนลำไส้อักเสบมากกว่า ส่วนตอนนอนก็รู้สึกท้องอืดๆ ลมเยอะผายลมบ่อย นอนไม่ค่อยหลับมาสองสามคืนละค่ะ ไม่แน่ใจว่าเครียดด้วยรึป่าว ช่วงนี้ทานเก่งขึ้นด้วยค่ะ หนูอยากทราบว่าอาหารประมาณนี้คือ ก่อนประจำเดือนจะมาใช่ไม๊ หนูไม่ได้ท้องใช่ไม๊ หนูกังวลมากๆเลยค่ะ เครียดจนแทบร้องไห้ ช่วยตอบด้วยนะคะคุณหมอ -/\-

อายุ: 23 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 42 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.04 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
SuRa*****y

28 ธันวาคม 2557 01:27:50 #2

เป็นเหมือนเรากับแฟนเลยเราหลั่งนอกเหมือนกันค่ะ แต่ก็อดเครียดไม่ได้เพราะเราก็กำลังจะจบส่วนตัวแฟนยังเรียนยุเลย

ยังไงก็ขอให้ไม่ท้องนะค่ะ สู้ๆนะค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

2 มกราคม 2558 14:36:57 #3

ในการมีเพศสัมพันธ์ทั้งสองครั้งนั้นที่มีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน ก็จะมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้จากอสุจิที่ออกมาช่วงที่มีการสอดใส่ แม้โอกาสจะน้อยก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้นะครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้ยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

แต่จากประวัติที่กล่าวมานั้น มีการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินซ้ำไปอีกนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำนะครับ เพราะ ปกติยานี้จะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และ จะผลข้างเคียงมากได้ ประกอบกับประสิทธิภาพจะไม่ดี และ ก็จะมีเลือดออกผิดปกติมาได้ จนทำให้สับสนได้ว่า เลือดที่ออกมาคืออะไร เช่นในกรณีนี้ครับ ดังนั้น ส่ิงที่หมอฝากได้คือ การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น การใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น นอกจากประสิทธิภาพจะต่ำกว่าแล้ว ยังมีผลข้างเคียงมากกว่าอีกด้วยครับ ด้วยความหวังดีครับ

โดยปกติแล้วหลังทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีสารคัดหลั่งในช่องคลอดได้เล็กน้อยครับ แต่จะไม่ถึงกับเป็นตกขาว ดังนั้น หากตกขาวลักษณะดังกล่าวนั้น มีลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ