การที่ประจำเดือนไม่มา หรือ มาไม่สม่ำเสมอหลายๆเดือนติดกัน ถือว่า ผิดปกตินะครับ ต้องหาสาเหตุ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ในวัยนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากสาเหตุของภาวะไม่ตกไข่ ซึ่งมักมีเหตุมาจาก อาทิเช่น ความเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ ใกล้สอบ น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ

ซึ่งหากสาเหตุต่างๆ นี้ลดน้อยลง ก็อาจมีประจำเดือนมาได้ แต่หากนานถึง 3 เดือนแล้ว ควรมาพบสูตินรีแพทย์ เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ ก่อนที่จะสรุปว่าเป็นภาวะไม่ตกไข่ ซึ่งหากมีภาวะนี้จริง การรักษาอาจใช้ยาปรับฮอร์โมนปรับรอบประจำเดือนครับ

การใช้ยาในกลุ่มที่คุณ loveujung-oat55 กล่าวมาในความคิดเห็นของหมอ หมอขอกล่าวโดยรวมๆนะครับ ในเรื่องกลุ่มยาที่กล่าวมานั้น ในตัวยาประเภทนี้ เป็นยาที่มีส่วนประกอบของสมุนไพร ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์นั้นอาจคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งจะทำหน้าที่กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูก อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นได้ แต่จะไม่มีฮอร์โมนที่ทำให้เยื่อบุหลุดลอกสลายตัวออกมาได้ ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ อาจทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก หรือ มีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ โดยในความเห็นของหมอ ไม่ควรทานยาประเภทนี้นะครับ เพราะ ควรหาสาเหตุความผิดปกติก่อนครับ

ในเรื่องการตั้งครรภ์ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ก็มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันหลังการมีเพศสัมพันธ์นะครับ และ เลือดที่ออกนั้น เกิดจากผลข้างเคียงจากยาที่เกิดขึ้นได้ครับ แต่การมีหรือไม่มี ก็ไม่ได้แปลว่า การป้องกันจะสำเร็จหรือไม่ได้ผลนะครับ และ หมอคิดว่า หากในช่วงนี้ ไม่สามารถคาดเดาการตกไข่ หรือ ประจำเดือนยังมาไม่ปกติ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยด้วยครับ