ช่วงวันที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันเป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์ค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังอาจตั้งครรภ์ได้เพราะตัวอสุจิอาจจะสามารถมีชีวิตอยู่ในมดลูกได้นานมากกว่า 2-3 วัน ถ้าหากประจำเดือนขาดไป 2 สัปดาห์แล้วตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ก็น่าตะไม่ตั้งครรภ์ แต่หากรอสังเกตอาการต่อไปแล้วอีก 1 สัปดาห์ยังไม่มีประจำเดือนมาอีกแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำ ถ้าหากไม่ตั้งครรภ์และประจำเดือนขาดไปนานเป็นเดือนควรปรึกษาแพทย์ อาจจะต้องรักษาด้วยยาปรับประจำเดือน สาเหตุของการมีประจำเดือนคลาดเคลื่อนนั้น อาจมีสาเหตุจากมีภาวะบางอย่างทำให้ไข่ไม่ตก ไม่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่จะทำให้เป็นประจำเดือนตามรอบที่ควรจะเป็น เช่น

• ภาวะเครียด ความวิตกกังวล การพักผ่อนไม่เพียงพอ
• น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
• การออกกำลังกายอย่างหักโหม
• รับประทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายออร์โมน
• ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
• กลุ่มอาการที่เกิดจากถุงน้ำที่รังไข่หรือ polycystic ovarian syndromes (PCOS) มักพบในรายที่มีน้ำหนักตัวมาก มีภาวะอ้วน สิว ผิวมัน ขนดกคล้ายผู้ชาย ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนเพศชายที่สูงขึ้นจากการทำงานของรังไข่ที่ผิดปกติ และมีภาวะไข่ไม่ตกตามปกติ จึงทำให้ไม่มีประจำเดือนหรือประจำเดือนมาน้อย มาห่างกว่าปกติ ซึ่งมักจะมีประจำเดือนมาห่างหรือมาน้อยแบบเรื้อรัง