กระดานสุขภาพ

เจ็บอวัยวะเพศ
Anonymous

13 กันยายน 2561 01:34:44 #1

ขณะมีเพศสัมพันธ์ดิฉันเจ็บนิดหน่อยในบางท่า แต่หลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว เข้าห้องน้ำปัสสาวะเจ็บแสบมาก... วันรุ่งขึ้นพบว่า 1) มีเชื้อราในช่องคลอด จึงซื้อยาสอด 500mg ใช้ครั้งเดียว เชื้อราก็หายไป แต่ยังเหลือเมือกยืดใสๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเหม็น ไหลออกมาพอสมควร 2) เจ็บที่อวัยวะเพศ โดยเฉพาะที่ปุ่มกระสัน และผิวหนังส่วนบนของฝีเย็บ โดยผิวหนังส่วนบนของฝีเย็บเหมือนมีรอยฉีกขาดประมาณ 2-3มม. 3) วันถัดมา คลำเจอก้อนที่ขาหนีบขวา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1.5 ซม. กดแล้วเจ็บ แต่ใช้ชีวิตปนะจำวันยืน เดิน นั่ง นอนไม่เจ็บ และไม่มีแผลภายนอก 4) วันที่ 3 เริ่มเกิดตุ่มคล้ายสิว 3 ตุ่ม ที่ผิวหนังนอกแคมเล็ก เนื่องจากตอนนี้ดิฉันเดินทางอยู่ในต่างประเทศ จึงยังไม่ได้ไปพบหมอที่โรงพยาบาล สามารถรักษาหรือดูแลตัวเองเบื้องต้นได้อย่างไรคะ และดิฉันเป็นโรคอะไร
อายุ: 34 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 166ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.77 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

13 กันยายน 2561 01:42:30 #2

เพิ่มเติมค่ะ : ดิฉันฉีดวัศซีนป้องกัน HPV ครบ 3 เข็ม ได้ 6 ปีแล้ว, 3 เดือนที่ผ่านมา ตรวจสุขภาพประจำปี พบว่าเป็น endometriosis, ตรวจ thin prep และตรวจภาพในโดยสูตินารีแพทย์ ไม่พบสิ่งผิดปรกติค่ะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

14 กันยายน 2561 07:21:42 #3

หลังมีเพศสัมพันธ์อาจจะเกิดอาการเจ็บแสบที่ช่องคลอดหรืออวัยวะเพศได้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเสียดสีหรือการอักเสบของบริเวณช่องคลอด หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ดังนั้น หลังจากมีเพศสัมพันธ์คุณจะต้องทำการปัสสาวะทิ้งทันทีและทำความสะอาดให้ดีค่อยกลับไปนอนต่อ ในกรณีที่พบเชื้อราในช่องคลอดคุณสามารถรักษาโดยการใช้ยาที่คุณบอกมาได้ โดยปกติช่องคลอดของผู้หญิงทั่วไปนั้น จะมีสิ่งคัดหลั่งออกมาได้ แต่มักจะไม่มีอาการคัน ไม่มีกลิ่น ถ้ามีสิ่งคัดหลั่งออกมามากก็ให้ใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้น ส่วนอาการเจ็บที่บริเวณอวัยวะเพศหรือที่ปุ่มคริสตอริสนั้น อาจจะเกิดจากการเสียดสีก็ได้ และถ้าพบรอยฉีกขาดก็จะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงหรือช่องคลอดไม่มีหล่อลื่นตามปกติ จึงทำให้เกิดการบาดเจ็บของช่องคลอด ส่วนอาการเจอก้อนที่ขาหนีบข้างขวา น่าจะเป็นผลมาจากต่อมน้ำเหลืองที่มีขนาดโตขึ้นเนื่องจากมีการอักเสบของบริเวณผิวหนังในอุ้งเชิงกรานหรืออวัยวะเพศ ก็จะทำให้มีต่อมน้ำเหลืองโตได้ส่วนตุ่มที่พบบริเวณผิวภายนอกก็อาจจะเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันหรือต่อมเหงื่อที่บริเวณนี้ก็ได้ ในกรณีที่คุณมีอาการดังกล่าวคุณสามารถหาซื้อยารับประทานได้เป็นยาปฏิชีวนะ เช่น กลุ่มของไดคล๊อกซาซิลลิน รับประทานนาน 1 สัปดาห์ พยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้นโดยการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง อาการน่าจะดีขึ้นได้ค่ะ ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv นั้นเป็นการป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 70% คุณยังมีความจำเป็นที่จะต้องไปทำการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีอยู่ เพราะมะเร็งปากมดลูกนั้นอาจจะเกิดจากเชื้อ hpv ชนิดอื่นที่วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ ส่วนภาวะ endometriosis นั้น ถ้าคุณไม่มีอาการปวดประจำเดือนและการผิดปกติอื่นใดก็ขอให้ไปตรวจเช็คภายในและอัลตราซาวด์เป็นประจำทุกปีเพื่อรับการติดตามว่าจะมีเรื่องของถุงน้ำที่รังไข่ร่วมด้วยหรือไม่จะได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้องต่อไปค่ะ