กระดานสุขภาพ

กินยาคุมอยู่ มีเลือดออกเหมือนประจำเดือน
Tipa*****1

6 กรกฎาคม 2561 08:16:57 #1

ทายาคุมมาประมาณ 2 ปี ไม่เคยเปลี่ยนยี่ห้อ ไม่เคยผิดปกติ กินแบบ 21 เม็ด วันนี้กินได้ 17 เม็ด มีเลือดออกเหมือนมีประจำเดือน เป็นอะไรรึป่าว แล้วต้องกินยาต่ออย่างไร
อายุ: 30 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 75 กก. ส่วนสูง: 168ซม. ดัชนีมวลกาย : 26.57 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

7 กรกฎาคม 2561 08:25:42 #2

ยาคุมกำเนิดจะมี 2 ประเภท คือ ยาคุมชนิดฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงและฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ ยาคุมที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงในที่นี้หมายถึงมีเอสโตรเจนในขนาด 30 ถึง 35 ไมโครกรัม ยาคุมชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มาก แต่จะไม่ค่อยมีอาการเลือดออกผิดปกติในระหว่างทานยาคุม ส่วนเอสโตรเจนต่ำจะหมายถึงมีเอสโตรเจนในขนาด 15 ถึง 20 ไมโครกรัม ยาคุมชนิดนี้จะไม่ค่อยทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนแต่อาจจะทำให้ มีเลือดออกผิดปกติกระปริบกระปรอยระหว่างรับประทานยาคุมได้ ในกรณีที่คุณทานยาคุมกำเนิดไปนานถึง 2 ปีแล้วไม่เคยมีอาการข้างเคียงของยาคุมเลย และอยู่ๆเกิดมีเลือดออกผิดปกติในระหว่างรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าคุณทานยาคุมชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำแม้ว่าคุณจะทานมานานถึง 2 ปีแล้วก็ตาม ก็อาจจะเกิดอาการข้างเคียงได้ในช่วงแผงหลังๆ ยิ่งถ้าทานไปนานก็อาจจะทำให้ไม่มีประจำเดือนมาได้หรือประจำเดือนลดน้อยลงได้มาก อย่างไรก็ตาม จะต้องนึกถึงภาวะอื่นด้วย เช่น การมีติ่งเนื้อผิดปกติที่บริเวณปากมดลูกหรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า polyp ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องรับการรักษาโดยการเด็ดติ่งเนื้อนั้นออกก็จะทำให้อาการเลือดออกผิดปกติดีขึ้น ถ้าไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ทางที่ดีก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจภายในร่วมด้วย แพทย์จะได้ดูว่ามีติ่งเนื้อผิดปกติดังกล่าวที่ปากมดลูกหรือไม่ จะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป แต่ถ้าไม่พบความผิดปกติใดส่วนใหญ่ก็จะแนะนำให้รักษาโดยการทานยาคุมเพิ่มเป็น 2 เม็ดจนกว่าเลือดจะหยุด และเมื่อเลือดหยุดก็ทาน 1 เม็ดตามปกติเหมือนเดิมจนยาหมดแผง แต่ในกรณีของคุณเหลือยาอีกเพียง 4 เม็ดจึงอาจจะทานวันละ 2 เม็ด จนยาหมดแผงไปเลยก็ได้ และหลังจากนั้นก็หยุดยา 7 วัน เพื่อให้ประจำเดือนมาแล้วค่อยเริ่มยาในแผงถัดไป ระหว่างนี้ก็ควรไปทำการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีด้วยจะได้มั่นใจว่าไม่มีความผิดปกติที่บริเวณปากมดลูกค่ะ หรืออาจจะต้องไปทำการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อประเมินว่าผนังเยื่อบุด้านในโพรงมดลูกมีความผิดปกติอื่นใดด้วยหรือไม่จะได้รับการรักษาได้อย่างถูกต้องต่อไปเช่นกันค่ะ
________________________________