กระดานสุขภาพ

การกินยาปรับโฮโมน
Anonymous

23 พฤษภาคม 2561 14:53:06 #1

ปล่อยมีน้องมาจะ 2 ปี แล้วแต่เดือนนี้ ปจด.ยังไม่มา ปจด.วันแรกของเดือนสุดท้าย วันที่14 เม.ย. ค่ะ วันที่15 พ.ค. มีอาการเวียนหัว มันงง มีตกขาวออกมาเยอะมากสีขาวแต่ไม่มีกลิ่น วันที่ 18 พ.ค.เลยซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจตอนเย็นขึ้นขีดเดียวค่ะ วันที่ 21เจ็บนมแป๊ปๆ 22 มีอาการคัดเต้านม นมตึง บวกกับมีการปวดท้องแป๊ปๆเวลาเดินบ่อยหรือก้มๆเงยๆตอนยกของหนักจะเจ็บค่ะวันที่23 เลยตัดสินใจไปหาหมอ หมอเลยซาวท้อง หมอบอกว่ามีซีสเล็กๆค่ะเกิดจากปจด.ไม่มาค่ะแต่ไม่อันตรายพอปจด.มาแล้วซีสจะยุบลงไปเองค่ะหมอเลยให้ยาปรับโฮโมนมากินยา คืออาการค่อนข้างเหมือนคนตั้งครรภ์เลยค่ะเลยไม่แน่ใจว่าท้องหรือไม่ท้อง ตอยนี้เลยไม่กล้ากินยาปรับโฮโมนค่ะกลัวว่าถ้าท้องจริงจะเป็นอันตรายต่อครรภ์ค่ะ
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.75 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

24 พฤษภาคม 2561 07:09:57 #2

ประเด็นที่สำคัญของคุณคือคุณไม่มีรอบเดือนมาตามปกติ ประมาณ 1 เดือน หมายถึงคุณมีรอบเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 เมษายน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีรอบเดือนมาอีกเลยและมีความต้องการที่จะมีบุตรจึงไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ ถ้าคุณไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์เลยจะต้องตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์หรือยืนยันให้ได้ก่อนว่าไม่มีการตั้งครรภ์อย่างแน่นอน โดยการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์นั้นจะมีความแม่นยำถ้าได้ทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ ผลจึงจะเชื่อถือได้หรือถ้าเป็นการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน Free Beta hcg จะต้องทำหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ผลจึงจะเชื่อถือได้ ดังนั้น จะต้องตัดปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์ออกไปก่อน ในกรณีที่รอบเดือนคุณยังไม่มาตอนนี้อย่าเพิ่งรับประทานฮอร์โมนเพราะถ้าเป็นการตั้งครรภ์ในระยะแรกอาจจะยังตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ การทานฮอร์โมนดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้ เช่น ทารกอาจจะมีอวัยวะเพศกำกวม ดังนั้น คุณจะต้องควบคุมเพื่อไม่ให้มีการตั้งครรภ์ในช่วงนี้โดยการสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และทำการตรวจปัสสาวะซ้ำหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายที่อาจจะมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ หรือตรวจเลือดเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายที่ไม่ได้คุมกำเนิดไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าผลการตรวจปัสสาวะหรือเลือดเชื่อถือได้อย่างแน่นอนว่าไม่ตั้งครรภ์ และรอบเดือนก็ยังไม่มา ตอนนี้คุณก็สามารถทานฮอร์โมนที่แพทย์ให้มาเพื่อปรับประจำเดือนได้แล้วค่ะ สำหรับถุงน้ำที่พบนั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องการตกไข่ที่ไม่ปกติจึงทำให้ไม่มีการสร้างฮอร์โมนที่สำคัญคือโปรเจสเตอโรนไปทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกสุก และหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน แต่ถุงน้ำดังกล่าวก็อาจจะยุบหายไปได้เอง คุณจึงควรทำการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อตรวจติดตามถุงน้ำดังกล่าวอีกในช่วง 3 ถึง 6 เดือนถัดไป จะได้มั่นใจว่าถุงน้ำดังกล่าวไม่ใช่ถุงน้ำที่ผิดปกติหรือมีพยาธิสภาพแต่อย่างใดที่มีความจำเป็นต้องทำการรักษาต่อโดยการทำผ่าตัดต่อไปค่ะ ถุงน้ำอาจจะยุบไปได้เองค่ะ
________________________________________