กระดานสุขภาพ

ติ่งเนื้อ
P888*****8

2 ธันวาคม 2560 16:17:02 #1

อยากจะสอบถามค่ะคือมีติ่งเนื้อที่อวัยวะค่ะ มีติ่งเดียวไม่ใหญ่มาก ประมาณมิลถึง2มิล คล้ายติ่งตามผิงวหนังปกติค่ะแต่ไม่มีอาการใดๆ แล้วมีตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ได้สังเกตค่ะ อยากทราบว่าเปนอะไรค่ะ ต้องรักษายังไง และมีข้อสงสัยอีกอย่างค่ะ คือณ วันนี้ประจำเดือนหมดมาได้1 สับดาห์ค่ะ และ2วันก่อนหน้านี้มีอาปวดท้อง บีบๆ และบวมเล็กน้อยค่ะ แล้วเมื่อวานตอนเช้ามีเลือดคล้ายประจำเดือนออกมาค่ะและวันนี้ตอนเช้ามีคล้ายช่ำเลือดชำหนองออกมาค่ะ แลละเย็นมีเพียงคล้ายตกขาวแต่ขุ่นเหมือนแป้งขั้นๆค่ะ กลิ่นเปนกลิ่นคลาวค่ะไม่ถึงกับเหม็น ไม่คัน และไม่ปวดท้องแล้วค่ะไม่ปัสวะแสบขัด ปัสวะไม่มีสีมีกลิ่นเปนปกติค่ะ แล้วคือต้องบอกก่อนนะค่ะว่าเคยผ่าตัดใส่ติ่งมาช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และพักฝืนไม่ขับรถหรือยกของหนักมา2เดือนค่ะ ปัจจุบันทำทุกอย่างค่ะ อ่อ..ตอนนี้ทานยาคุมอยู่ค่ะแต่ไม่ได้มีเพสสัมพันมาประมาณ5เดือนแล้วค่ะ อยากรุ้ค่ะว่าเปนอะไร อันตรายมั้ย ที่ยังไม่ไปตรวจคือกลัวเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ
อายุ: 29 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 43 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.11 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

11 ธันวาคม 2560 18:20:51 #2

ลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

ส่วนในเรื่องของอาการตกขาวที่มากขึ้นนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

ส่วนในเรื่องต่ิงเนื้อนั้น หมออาจตอบได้ยากนะครับ ลักษณะแบบนี้ควรต้องมีการตรวจรอยโรคครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้มาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจดูรอยโรค เพื่อได้วินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ