กระดานสุขภาพ

มีเพศสัมพันกับแฟนวันพุธแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน ต่อมาวันเสาร์มีเพศสัมพันกัยแฟนอีกกินยาคุมฉุกเฉินอีกจะเป็นไรไหมคับ
XENZ*****0

7 ตุลาคม 2560 07:51:51 #1

มีเพศสัมพันกับแฟนวันพุธแล้วกินยาคุมฉุกเฉิน ต่อมาวันเสาร์มีเพศสัมพันกัยแฟนอีกกินยาคุมฉุกเฉินอีกจะเป็นไรไหมคับ

 

อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 56 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.71 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

8 ตุลาคม 2560 16:11:19 #2

เรียน คุณ XENZER0,

ก่อนตอบคำถามของคุณ ขออนุญาตให้ข้อมูลเกี่ียวกับตัวยาคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉินก่อนนะครับ

1. ตัวยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ใช้ในทางการแพทย์ เมื่อไม่สามารถใช้การคุมกำเนิดได้ตามปกติ เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือเมื่อใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้องแล้วมีการฉีกขาด รั่วซึม

- จากการเก็บรักษาไม่ถูกต้อง เก็บในที่ร้อน เช่น เก็บในรถ เก็บในกระเป๋าสตางค์ เก็บในห้องที่อบอ้าว เป็นต้น

- จากการเปิดไม่ถูกต้อง ใช้ของมีคมในการเปิด เช่น มีด กรรไกร หรือฟันฉีก

- จากการสวมใส่ไม่ถูกต้อง เช่นสวมในขณะที่องคชาติแข็งตัวยังไม่เต็มที่ เลือกขนาดผิด คับหรือหลวมเกินไป สวมแล้วไม่ได้รูดลงให้มาถึงโคน
ก่อนสวมไม่ได้บีบไล่อากาศช่วงกระเปาะเก็บอสุจิ เป็นต้น

- จากการถอดถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง ไม่ได้ถอดออกก่อนอวัยวะเพศอ่อนตัว ไม่ได้ใช้กระดาษชำระพันรอบโคนก่อนรูดถอดออกจากองคชาติ

ไม่ได้ใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง (8-15 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับแบบปกติ น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์) และปริมาณฮอร์โมนค่อนข้างสูง (1,500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ 50-75 ไมโครกรัม)

กลไกการออกฤทธิ์ -

1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เพื่อลดโอกาสที่ตัวอสุจิจะผ่านเข้าไปผสมกับไข่

2. ทำให้ท่อนำไข่ บีบตัวช้าหรือลดลง จึงลดโอกาสที่ไข่จะมาพบกับตัวอสุจิ

3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ตัวอ่อน (หากมีการผสมของไข่กับอสุจิ) จึงไม่สามารถมาฝังตัวได้

วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้อง มี 2 แบบ คือ

1. รับประทานยา 1 เม็ดภายหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง (หากยิ่งรับประทานช้า อัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์จะสูงขึ้น) และรับประทานยาอีก 1 เม็ด หลังจากเม็ดแรกครบ 12 ชั่วโมง
ข้อดี คืออาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด แน่นท้องจะน้อยกว่า และหากมีเพศสัมพันธ์อีกหลังจากรับประทานยาเม็ดแรก แต่ยังไม่ถึงเวลารับประทานยาเม็ดที่สอง ก็ไม่ต้องรับประทานยาเพิ่มอีก
ข้อเสีย มักรับประทานยาล่าช้ากว่าเวลา หรืออาจลืมรับประทานยา ทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้

2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ด แต่ไม่เกิน 48 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
ข้อดี คือ ระดับยาสูงขึ้นทันที ไม่ต้องกังวลเรื่องลืมรั้บประทานยา
ข้อเสีย คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด มากกว่าวิธีแรก
อาการไม่พึงประสงค์ - เวียนศีรษะ คัดตึงเต้านม คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอีด ปวดท้องน้อย ประจำเดือนผิดปกติ (มาล่าช้า หรือไม่มา)
ข้อควรระวัง - ไม่ควรรับประทานยาเกิน 2 กล่อง ต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก (จากกลไกข้อที่ 2)

จากข้อมูลส่วนบุคคล หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ ควรใช้การสวมถุงยางอนามัยจะเหมาะสมกับทั้งคู่มากกว่านะครับ เพราะนอกจากช่วยในการคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบชนิด บี/ซี หรือหากโชคร้ายสุด คือ เอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด และยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - human Papillomavirus) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่ / มะเร็งองคชาติในเพศชายได้อีกด้วย

แนะนำเพิ่มเติม หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน "ก่อน" การใช้ยาใด ๆ ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้า ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดีๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)

แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
สูตินรีแพทย์

ยาที่ลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)

ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม
เภสัชกร