กระดานสุขภาพ

เรื่องประจำเดือนคะ
Anonymous

4 มีนาคม 2556 16:11:04 #1

คือประจำเดือนมาวันที่8มกราคม2556-11มกราคม2556

หลังจากนั้นมีเพศสัมพันธ์ วันที่16มกราคม2556 กินยาคุมฉุกเฉิน

แล้วหลังจากนั้นประจำเดือนมาวันที่19มกราคม2556-24มกราคม2556

พอมาเดือนถัดมา มีเลือดออกคล้ายประจำเดือนในวันที่11กุมภาพันธ์ แต่น้อย (ประมานว่าผ้าอนามัยแผ่นบาง)

มีสีหมือนประจำเดือนมา แค่วันเดียว

แล้วต่อจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย จนถึงวันนี้วันที่4 มีนาคม 2556

มีอาการแสบร้อนในกระเพราะ กินแล้วเหมือนอาหารไม่ย่อย เหมือนจุกในลำคอจนต้อาเจียนออกมา

ท้องผูก อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไร จะมีโอกาสท้องหรือไม่

อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.58 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พ*****

5 มีนาคม 2556 17:43:01 #2

หลังรับประทานยาคุมกำเนิดไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์จะมีเลือดออกทางช่องคลอดซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนที่มีอยู่ในยา และเมื่อรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบางรายมีประจำเดือนมาปกติ แต่บางรายอาจจะทำให้ประจำเดือนมาช้า หรือมาเร็วกว่าปกติ หรือหากรับประทานบ่อยๆอาจทำให้ประจำเดือนไม่มาได้นานเป็นเดือน ส่วนปริมาณเลือดที่ออกมานั้นอาจจะมากหรือน้อยขึ้นกับระยะเวลาการรับประทานยาว่าตรงกับช่วงใดของรอบประจำเดือน ดังนั้นเลือดที่ออกมาวันที่ 19 มกราคมน่าจะเป็นเลือดที่ออกจากผลของฮอร์โมนเพราะเกิดขึ้นหลังจากรับประทานยา ส่วนเลือดที่ออกวันที่ 11 กุมภาพันธ์น่าจะเป็นประจำเดือนเพราะตรงกับรอบเดือนมกราคม แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นถึงแม้จะรับประทานอย่างถูกวิธีและตรงเวลาก็ยังมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ได้ ถ้่าหากหลังรับประทานยาแล้วมีประจำเดือนมาก็แสดงว่าไม่น่าจะตั้งครรภ์ แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วว่ายังมีโอกาสตั้งครรภ์หลังใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ดังนั้นหากเลือดที่ออกมีลักษณะกะปริบกะปรอย ผิดปกติไปจากเดิมอาจจะตรวจการตั้งครรภ์ดูด้วยเพื่อความมั่นใจ ส่วนอาการผิดปกติต่างๆท่ี่เกิดขึ้นนั้น หากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็เป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากความวิตกกังวลค่ะ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ยาคุมฉุกเฉิน คือ ผลข้างเคียงของยา อาจมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ เวียนหัว เจ็บคัดเต้านม มักไม่มีอันตรายรุนแรง นอกจากนี้อาการที่พบได้บ่อย คือเลือดกระปริดกระปรอยออกมาระหว่างเดือน อาจทำให้ประจำเดือนมาช้าหรือมาเร็ว การใช้ยาคุมฉกเฉินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดความผิดปกติของรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก และมีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูกมากขึ้นเป็น 2% ซึ่งมากกว่าความเสี่ยงของคนปกติ และก่อนการใช้ฮอร์โมนควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม เพราะฮอร์โมนในระดับสูงอาจกระตุ้นให้เซลล์ที่มีความผิดปกติอยู่แล้วมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ นอกจากนี้สิ่งสำคัญ คือ ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากฮอร์โมนี่มีระดับสูง จะทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดการแปรปรวนอย่างมาก จนทำให้รอบเดือนผิดปกติไป บางรายอาจไม่มีประจำเดือนมานานหลายเดือน ดังนั้นหากมีความจำเป็นจะต้องใช้ยาคุมกำเนิดมากกว่่าเดือนละ 1 ครั้งจึงแนะนำให้ใข้การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากกว่่า เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (แบบ 21 หรือ 28 เม็ด) ซึ่งนอกจากจะคุมกำเนิดได้ดีแล้วยังมีประโยชน์ในเรื่องการควบคุมประจำเดือนให้มาเป็นรอบปกติ ลดอาการปวดประจำเดือน หรือบางยี่ห้อสามารถการลดสิว ผิวมัน ขนดก กลุ่มอาการก่อนเป็นประจำเดือนโดยอาจจะใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วยค่ะ

Anonymous

6 มีนาคม 2556 03:45:45 #3

ขอบคุณคะคุณหมอ ลองซื้ออุปกรณ์มาตรวจการตั้งครรภ์แล้ว ปรากฎว่าไม่ตั้งครรภ์คะ

อย่างงี้ต้องกินบำรุงอะไรไหมคะ ประจำเดือนถึงจะมาเป็นปกติ

พ*****

6 มีนาคม 2556 16:29:54 #4

หมอคิดว่ารอสังเกตอาการต่อไปก่อนได้ค่ะ ประจำเดือนน่าจะมาใกล้ๆช่วงปกติคือประมาณวันที่ 10 มีนาคม 2556 แต่ถ้าหากประจำเดือนไม่มาตามปกติ สามารถรอสังเกตอาการต่อไป ถ้าประจำเดือนขาดไปนานมากกว่า 2-3 เดือนควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณารักษาด้วยฮอร์โมนปรับประจำเดือน ในระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเพราะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ และไม่ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินซ้ำอีกเพราะอาจทำให้ระบบฮอร์โมนแปรปรวนไปมากค่ะ

Anonymous

7 มีนาคม 2556 02:19:01 #5

ขอบคุณคะคุณหมอ แต่อย่างนี้มื่อดูอาการ+การตรวจการตั้งครรภ์

คือไม่ตั้งครรภ์แน่นอน ใช่ไหมคะ

ขอถามอีกหน่อยคะ คือถ้าประจำเดือนไม่มา แล้วไม่ได้ตั้งครรภ์ 

อย่างนี้ จะผิดปกติ หรือมีแนวโน้มเป็นโรคอะไรไหมคะ

พ*****

8 มีนาคม 2556 15:09:18 #6

ถ้ามีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่ 16 มกราคมแล้วหลังจากนั้นไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีก หรือมีเพศสัมพันธ์โดยมีการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สวมถุงยางอนามัย ตรวจการตั้งครรภ์ในวันที่ 6 มีนาคมแล้วไม่พบ ก็ไม่ควรจะตั้งครรภ์ค่ะ ส่วนประจำเดือนที่มาไม่ปกติน่าจะเป็นผลจากการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากกว่่า หากประจำเดือนขาดไปเกิน 2-3 เดือนแนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์ค่ะ

Anonymous

3 มกราคม 2557 04:28:44 #7

ขอถามหน่อยค่ะคุณหมอ...คือว่าเดือนพฤศจิกายนนู๋มีประจำเดือนมาทั้งต้นเดือนท้ายเดือนแล้วนู๋ก้อไปมีเพศสัมพันกับแฟนตอนหมดประจำเดือนท้ายเดือนวันแรกปล่อยในด้วยอย่างนี้นู๋มีโอกาสจะท้องไหมค่ะ

Anonymous

21 มกราคม 2558 10:29:54 #8

ทานยาคุมฉุกเฉินเเล้ว 8พฤจิกา57 ประจำเดือนมา16 พฤจิกา57 ถัดมาประจำเดือนมาอีก2ธันวาแต่ถัดมาประจำเดือนของเดือนมกราคม58ยังไม่มาเลย นี้ก็วันที่ 21แลัว หนูไม่เคยทานยาคุมเลยสักอย่างค่ะ เพราะจะใส่ถุงทุกครั้ง 

ตอบหน่อยนะค่ะ

Arka*****o

27 มกราคม 2558 01:46:10 #9

คือ หนู จะรู้ได้ไงค่ะว่าเลือดที่ออกมาจากการกินยาคุมฉุกเฉินคือ ปจด. หรือ เลือดจากยาคุมฉุกเฉิน

เพราะ ปจด.มาประมาณ 1 -3 ม.ค.58 และมี พสพ. วันที่ 17 ม.ค. และไม่ได้กินยาควบคุมอะไรเลย นึกได้มากินยาคุมฉุกเฉินวันที่ 21 ม.ค. วันนี้ที่ 27 ม.ค. มีเลือดออกมา นี้คือยังไงค่ะ ใช่ประจำเดือนหรือป่าวค่ะ

และอาจจะท้องไหมค่ะ ?? ตรวจได้ตอนไหน ? และต้องกินยาคุมแบบรายเดือนเมื่อไหร่ค่ะ ?