กระดานสุขภาพ

ปัญหาหลั่งนอกครับ ปรึกษาหน่อยครับคุณหมอ
Anonymous

1 กรกฎาคม 2560 13:53:50 #1

แฟนผมมีประจำเดือนไปเมื่อวันที่17 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมมี พสพกับแฟนเมื่อคืนวันที่ 1กรกฏาคม หลั่งข้างนอก แต่ว่าหลั่งน้อยมาก ผมเลยกังวลว่าหลั่งน้อยเพราะว่า หลั่งไปแล้วตอนที่ไม่รู้ตัวหรือเปล่าครับ ละผมหาข้อมูลเรื่องวันตกไข่ ข้อมูลบอกว่าจะตกไข่วันที่14ของรอบเดือนนับจากวันแรกที่เป็นประจำเดือน งั้นวันที่1 คือวันตกไข่หรือเปล่าครับ ตอนก่อนผมจะเสร็จ ผมรู้สึกเสียวมากๆ เสียวที่ปลาย รู้สึกเหมือนจะมีอะไรพุ่งออกมา ทุกรอบที่มีเพศสัมพันธ์ ผมค่อนข้างมั่นใจครับว่าเอาออกมาหลั่งข้างนอกทันทุกรอบ แต่สิ่งที่กังวลคือ ที่ผมรู้สึกเสียวปลายๆ รบกวนช่วยตอบด้วยนะครับคุณหมอ แบบนี้มีโอกาสท้องไหม ปล.ก่อนหน้านี้สองวัน มีเพศสัมพันธ์ครับ ละก็มีวันที่ 1 และผมนอนน้อยมาต่อเนื่องครับ นอนตี 2 ตลอด มีผลไหมครับ ที่ทำให้อสุจิหลั่งออกมาน้อย ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าครับ คุณหมอ
อายุ: 21 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 67 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.88 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

2 กรกฎาคม 2560 06:07:51 #2

วันนี้วันที่ 2 กรกฏาคม แฟนผมมีอาการปวดท้องน้อยแล้วครับ วันนี้คือวันตกไข่ป่าวครับ ผมควรให้แฟนกินยาคุมฉุกเฉินไหมครับคุณหมอ เครียดมากครับ
Anonymous

4 กรกฎาคม 2560 08:03:11 #3

ตอบหน่อยครับ คุณหมอ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

5 กรกฎาคม 2560 03:51:16 #4

การหลั่งภายนอกเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพไม่ดีนัก เพราะอาจจะมีบางส่วนของอสุจิผ่านเข้าไปภายในช่องคลอด และทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ ส่วนการนับวันไข่ตกจะใช้ได้ในกรณีที่แฟนคุณมีรอบเดือนมาสม่ำเสมอปกติ ทุก 28 ถึง 30 วันและสามารถทำนายรอบเดือนครั้งถัดไปได้อย่างแม่นยำจึงจะสามารถบอกวันไข่ตกได้ เช่น ถ้ารอบเดือนถัดไปจะมาวันที่ 17 กรกฎาคม ไข่จะตก ประมาณ 14 วันก่อนที่จะมีประจำเดือนมา นั่นคือไข่ควรจะตกในช่วงประมาณ วันที่ 3 กรกฎาคมบวกลบ 2 วัน ดังนั้น โอกาสตั้งครรภ์จะสูงถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันที่ 1-5 กรกฎาคม แต่ถ้าแฟนคุณรอบเดือนมาไม่ปกติ จะไม่สามารถใช้การนับวันได้ ดังนั้นจึงตอบไม่ได้ว่าแฟนคุณตั้งครรภ์หรือไม่ถ้ารอบเดือนขาดก็ควรตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ด้วย ตอนนี้คุณไม่สามารถให้แฟนทานยาคุมฉุกเฉินได้แล้วเนื่องจาก เลยกำหนดการมีเพศสัมพันธ์มานานหลายวัน ยาคุมฉุกเฉินจะได้ผลเมื่อทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหรืออย่างช้าไม่เกิน 24 ชั่วโมง และต้องทานห่างกัน 12 ชั่วโมงครั้งละ 1 เม็ด ส่วนเรื่องปริมาณอสุจิที่น้อย ไม่น่าจะเกี่ยวกับร่างกายไม่แข็งแรงหรือการนอนน้อย อาจจะมีความสัมพันธ์กับเรื่องของการตั้งครรภ์ที่ยากขึ้นเพราะปริมาณอสุจิน้อย ตอนนี้หมอคงแนะนำให้คุณตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ ถ้ารอบเดือนขาดหายไปนานเกิน 1 ถึง 2 สัปดาห์ค่ะ

Anonymous

5 กรกฎาคม 2560 13:08:06 #5

แล้วแบบนี้โอกาสจะท้องเยอะไหมครับ แต่ผมมั่นใจว่าไม่ได้หลั่งใน ให้ทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ประมาณ28 ชั่วโมงหลังจากมี พสพ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

6 กรกฎาคม 2560 03:57:23 #6

โอกาสตั้งครรภ์น่าจะน้อยลงถ้าไม่มีการหลั่งภายใน แต่หมอไม่สามารถยืนยันได้ 100% ควรรอให้ประจำเดือนมา ถ้าไม่มาตามปกติก็ควรตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ร่วมด้วยค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

15 กรกฎาคม 2560 15:33:15 #7

การที่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนหรือหลัง 7 วัน นับจากวันมีประจำเดือนวันแรกนั้น หากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ตรงรอบดี ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไม่มีการตกไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้การนับวันประจำเดือนนั้นปกติแล้วจะใช้เพื่อการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่มีบุตรยากครับ การที่จะนำมาใช้เพื่อการคุมกำเนิดนั้นไม่ควรอย่างยิ่งครับ ยิ่งในผู้ที่มีรอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ การตกไข่จะย่ิงคาดเดาไม่ได้ครับ เพราะ ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์จะต่ำ ควรจะใช้การคุมกำเนิดอื่นๆ ที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ แต่หากการสอดใส่นั้น เพียงแต่พยายามจะสอดใส่หรือเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาจไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ อย่างไรก็ตาม หากกังวลใจหรือไม่แน่ใจว่าสอดใส่ไปมากน้อยเพียงใด การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ โดยอาจทาน 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือ อาจทานพร้อมกัน 2 เม็ด เลยก็ได้หากกังวลว่าจะลืม ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ส่วนการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆนั้น ไม่ควรอย่างย่ิงครับ เนื่องจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้วยังทำให้โอกาสเลือดออกผิดปกติและตั้งครรภ์นอกมดลูกมากขึ้นได้ครับ

ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ หรือหากล่น หลุด ในช่วงมีเพศสัมพันธ์มักเกิดจากใช้ขนาดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ