กระดานสุขภาพ

ปรึกษาปัญหาภายในผู้หญิง
Anonymous

30 เมษายน 2560 07:55:47 #1

เดิมกินยาคุมมา3ปีและหยุดไป3เดือนมากินใหม่อีก1ปี ช่วงหลังจากหยุดยามีอาการตกขาวมีกลิ่นแรง บางครั้งมีสีขาวขุ่น เหลือง น้ำตาล มีอาการปวดท้องและอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนมาหลายวันบางครั้งเกือบ15วัน โดยที่จะมีกระปริบกระปรอยในช่วง2-3วันแรก อาการแบบนี้เป็นมาเกือบ6เดือนแล้วค่ะ แต่ยังไท่ได้ตรวจภายในอย่างเป็นทางการเนื่องจากอาการมาๆหายๆ สามารถสันนิษฐานได้หรือไม่ว่าเป็นอะไร และหลังจากเลิกกินยาก็คุมกำเนิดโดนสวมถุงยางอนามัยตลอดค่ะ อีกคำถามคือประจำเดือนมากระปริบกระปรอยในวันที่3-4พค และมาปกติค่อนข้างมากในวันที่5-8(สีแดง) และมากระปริบกระปรอย(สีน้ำตาล)อีกจนถึงวันที่11 ในวันที่22มีเพศสัมพันธ์แต่ถุงยางขาดและเกิดการหลั่งใน ภายหลัง3-5ชมกินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกและหลังจากเม็ดแรกอีก8ชมกินเม็ดที่2 วันที่26มีเลือดสีน้ำแดงออกมาเล็กน้อยจนถึงวันที่27 และมีสีน้ำตาลในวันที่29 โดยในวันที่มีเลือดออกวันแรกมีอาการถ่ายท้องคล้ายกับอาการก่อนมีประจำเดือนทุกๆครั้ง อยากทราบว่าเลือดที่ออกมาคือประจำเดือนหรือผลข้างเคียงจากยา และมีโอกาสตั้งครรภ์มากน้อยแค่ไหน จะสามารถตรวจสอบได้เมื่อไหร่ ขอบคุณมากค่ะ
อายุ: 25 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 154ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

2 พฤษภาคม 2560 13:14:12 #2

โดยปกติรอบเดือนจะมาไม่เกิน 7 วันและมีปริมาณไม่มากเกินไป ถ้ามีลือดที่ออกผิดปกตินาน เกิน 7 วัน ถือว่าผิดปกติ สาเหตุมักจะเกิดจากการทำงานของรังไข่ที่ไม่ปกติเช่นไม่มีไข่ตกหรือเป็นกลุ่มอาการถุงน้ำที่รังไข่ที่เรียกว่าพีซีโอเอส ซึ่งภาวะนี้ ผิวรังไข่จะมีความหนาตัวมาก จนไข่ไม่สามารถตกได้ และไม่มีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มาเปลี่ยนผนังเยื่อบุโพรงมดลูกให้สุก และลอกหลุดออกมาเป็นประจำเดือน นอกจากนี้ จะมีฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายในร่างกายสูงขึ้นด้วย จะทำให้เกิดลักษณะมีสิว ผิวมัน ขนดก มีหนวดเคราขนหน้าแข้งมากได้ การรักษามักจะต้องใช้ฮอร์โมนในการรักษาระยะยาว ฮอร์โมนที่ใช้ อาจจะเป็นฮอร์โมนโปรเจสโตเจนหรือยาเม็ดคุมกำเนิดก็ได้ คุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อประเมินว่ามีภาวะกลุ่มอาการถุงน้ำที่รังไข่หรือไม่ เพราะ จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป สำหรับการทานยาคุมฉุกเฉิน จะต้องทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ภายใน 1 ชั่วโมงหรืออย่างช้าไม่เกิน 24 ชั่วโมงยิ่งช้ามากประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ ก็จะลดลงเรื่อยเรื่อย และไม่ควรใช้ยาเกิน 1 ถึง 2 ครั้งต่อเดือน เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติโดยเฉพาะครรภ์นอกมดลูกได้ หลังทานยาคุมฉุกเฉินอาจจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติกระปริบกระปรอยและรอบเดือนถัดไปมีความคลาดเคลื่อนได้เช่นกัน ในกรณีที่คุณสงสัยว่าอาจจะมีการตั้งครรภ์ ก็ควรตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์โดยสามารถตรวจได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปนาน 3 สัปดาห์ ผลจึงจะเชื่อถือได้แน่นอนค่ะ