กระดานสุขภาพ

ตุ่มแดงที่ปลายอวัยวะเพศ
Anonymous

20 เมษายน 2560 11:27:40 #1

สวัสดีครับ คุณหมอ ผมมีเรื่องจะปรึกษานิดนึงครับ คือว่าผมมีตุ่มแดงที่ปลายอวัยวะเพศ ไม่เจ็บ ไม่มีหนอง ไม่มีหัว มันแค่เป็นตุ่มแดงเฉยๆครับ และผมเคยอ่านเจอบทความของหมอ บอกให้ใช้ยา ยาครีม triamcinolone 0.02% + clotrimazole ทาบางๆเช้าเย็น ซึ่งผมใช้แล้วประมาณ 3 วันก็หายทุกครั้ง แต่ผมสงสัยว่า ทำไมมันยังกลับมาเป็นซ้ำๆอยู่บ่อยๆ ประมาณ 4-5 รอบแล้วครับ คือผมเคยไปเสี่ยงเมื่อเดือน 5 ปีที่แล้ว ตรวจเลือดด้วยเทคนิค eclia ที่ รพ.เปาโล เมื่อเสี่ยงไปแล้ว 30 วัน ผล - ครับ ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ปกติดี จนเมื่อต้นปีผมได้มี ผสพ.กับแฟน โดยไม่ได้ใส่ถุงยาง พบว่าในช่วงนั้นแฟมของผมมีอาการตกขาว และหลุดออกมาเป็นก้อนๆ ขณะมี พสพ. และหลังจากนั้นผมก็ได้มีอาการแบบนี้ (ตุ่มแดง) อยู่เรื่อยๆ ไม่หายขาดสักที ผมกังวลใจมาก ไม่รู้ว่าเป็นอะไรครับ คุณหมอช่วยแนะนำผมหน่อยครับ ว่าควรรักษาอย่างไรจึงจะหายขาดจากอาการนี้ครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/02fd9-36079-1.JPG

http://haamor.com/media/images/webboardpics/02fd9-36079-2.JPG

http://haamor.com/media/images/webboardpics/02fd9-36079-3.JPG

อายุ: 27 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 87 กก. ส่วนสูง: 181ซม. ดัชนีมวลกาย : 26.56 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

21 เมษายน 2560 14:09:01 #2

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นแดงๆที่ส่วนหัวอวัยวะเพศ อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ น้ำยาต่างๆที่ใช้บริเวณนี้ ร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีของคุณที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ส่วนแฟน ถ้ามีอาการตกขาว คันในช่องคลอด ก็อาจเป็นเชื้อราด้วย ทำให้ติดต่อกันไปมาได้ ในกรณีนี้แนะนำตรวจภายใน ถ้าเป็นเชื้อราก็รักษาโดยใช้ยากินหรือยาสอดช่องคลอด ส่วนเรื่องการตรวจเลือดเอดส์นั้น วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อเอดส์ แนะนำตรวจเลือดโดยใช้สิทธิที่มี เช่น บัตรทอง ประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ