กระดานสุขภาพ

เครียดมากเลยค่ะ ประจำเดือนไม่มา
Anonymous

5 ธันวาคม 2559 03:29:01 #1

คือเดือนที่แล้วประจำเดือนไม่มาอ่ะค่ะ แล้วเมื่อวันที่28-30ของเดือนที่แล้ว จำวันที่แน่นอนไม่ได้อ่ะค่ะ ก็ไม่เชิงมีอะไรกับแฟนหรอกค่ะ ถูไถกันภายนอก แล้วแฟนสอดเข้าไปได้แค่ครึ่งหัวอวัยวะเพศ แค่1-2ซม. ยังไม่มิดส่วนหัวเลยค่ะแล้วเราเจ็บ แฟนพยายามทำแบบนั้นอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ได้เข้าไปเยอะนะคะแค่ครึ่งหัวจริงๆ แล้วได้ไปอาบน้ำ เค้าทำตัวเองจนเสร็จ แล้วแตกบนท้องเราในท่ายืน แล้วอสุจิก็ไหลลงไปโดนตรงนั้น มีโอกาสท้องไหมคะปกติประจำเดือนจะมาช่วงกลางเดือนค่ะ เราเป็นคน ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอด้วยค่ะ แต่ช่วงหลังๆนี่ก็มา ทุกเดือน แต่เดือนที่แล้วไม่มา แล้วเดือนนี้ก็ยังไม่มาอีก จะท้องไหมคะ เครียดมากเลย แล้วถ้าท้อง มีโอกาสท้อง กี่เปอร์เซ็นคะ *ลืมบอกอีกอย่างค่ะ แฟนเราได้มีการใช้นิ้วสอดใส่ด้วยค่ะ แต่เค้าบอกว่าไม่มีการหลั่งติดนิ้วนะคะ *แล้วตอนที่สอดใส่แค่ครึ่งหัวส่วนบน เค้าก็ไม่ได้หลั่งด้วยค่ะ จากที่เล่ามาแต่ละอย่างนี้มีโอกาสท้องไหมคะ ประจำเดือนขาดนานมากค่ะ ปกติของเราถ้าขาดช่วงกลางเดือน มันจะมาปลายเดือนแล้วควบไปอีกเดือนค่ะ ตอนนี้เดือนที่แล้วก็ไม่มา แล้วทำแบบนั้นกับแฟนปลายเดือนพอดี เดือนนี้ก็ยังไม่มาอีก เครียดเลย
อายุ: 26 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.03 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

5 ธันวาคม 2559 03:32:32 #2

ที่บอกว่าครึ่งหัวคือครึ่งหัวส่วนบนนะคะ ไม่ใช่ครึ่งนึงของอวัยวะเพศ หมอตอบทีค่ะ กังวลมากเลย รอประจำเดือนไม่มาสักที แล้วไม่ได้กินยาคุมด้วยค่ะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

7 ธันวาคม 2559 04:48:45 #3

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ แต่หากในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ดังนั้น หมอคิดว่า การสอดใส่ไปเล็กน้อยนั้นโอกาสที่จะตั้งครรภ์น้อยมากๆครับ แต่หากกังวลมาก อาจทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินตามที่หมอกล่าวไปได้นะครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นควรใช้เมื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้นครับ ไม่ควรมาใช้บ่อยๆ เพราะ นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้ว ยังทำให้เลือดประจำเดือนผิดปกติได้อีกครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

7 ธันวาคม 2559 09:44:54 #4

**เพิ่มเติมค่ะหมอ คือ2วันที่ผ่านมานี้มีอาการปวดท้องน้อยเหมือนตอนเป็นประจำเดือนเลยค่ะ มีเมือกสีน้ำตาลอ่อนแค่นิดเดียวออกมาวันละครั้งแล้วก็หายไป มีอาการเวียนศีรษะด้วยค่ะ ผายลมบ่อยกว่าแต่ก่อน แต่ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ อาการแบบนี้เป็นอาการคนท้องมั้ยคะ ไม่เคยเป็นอาการแบบนี้มาก่อน กลัวท้องมากเลยค่ะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

20 ธันวาคม 2559 11:01:35 #5

อาการของการตั้งครรภ์นั้น จะเริ่มจากประจำเดือนขาดเป็นอย่างแรกเลยนะครับ ซึ่งทางการแพทย์จะนับจากรอบประจำเดือนรอบสุดท้าย ดังนั้น วันที่ประจำเดือนไม่มานั้น ก็จะเป็น 4 สัปดาห์แล้ว ส่วนอาการต่อมานั้น ก็จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ซึ่งจะเร่ิมตอนอายุครรภ์ประมาณ 6-8 สัปดาห์ และ ช่วงนี้อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้นได้เป็นต้นครับ ดังนั้น การที่จะตอบได้ว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่นั้น ก็คือการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในช่วงที่หมอกล่าวไปนะครับ