ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น การรับประทานอย่างถูกต้อง คือรับประทานเม็ดแรกภาย 72 ชั่วโมงหลังการมีเพศสัมพันธ์ และรับประทานอีก 1 เม็ดอีก 12 ชั่วโมงต่อมา ถึงแม้จะรับประทานอย่างถูกต้องแล้วก็ยังมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์ได้ และหากตั้งครรภ์ก็มีโอกาสเป็นครรภ์นอกมดลูกมากกว่าคนปกติ หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์จะมีเลือดออกทางช่องคลอด เลือดที่ออกมานี้ไม่ใช้เลือดประจำเดือนแต่เป็นผลจากฮอร์โมนในยา หลังการรับประทานยาแล้วอาจจะทำให้ประจำเดือนมาเร็ว มาช้ากว่าปกติ หรือขาดไปซึ่งเป็นผลจากการที่ยามีฮอร์โมนปริมาณสูงมาก การที่มีประจำเดือนมาผิดปกติแบบนี้จึงทำให้บอกเรื่องการตั้งครรภ์ได้ยาก นอกจากนี้อาจมีผลข้างเคียงอื่น เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ เวียนหัว เจ็บคัดเต้านม ซึ่งพบได้บ่อยแต่มักไม่รุนแรง แต่การใช้ยาคุมฉกเฉินติดต่อกันขนาดสูง ๆติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงคือทำให้เกิดความผิดปกติของรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก และมีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูกมากถึง 2% ยาคุมฉุกเฉินควรใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ควรใช้บ่อยเกินเดือนละ 2 ครั้ง เนื่องจากระดับฮอร์โมนค่อนข้างสูงมาก และการที่รับประทานเกินขนาดที่แนะนำ จะทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จนทำให้รอบเดือนผิดปกติไป หรืออาจไม่มาเลยนานเป็นเดือนค่ะ

ช่วงเวลาที่คุณมีเพศสัมพันธ์นั้น หากปกติแฟนของคุณมีประจำเดือนมาห่างมากกว่า 30 วันก็ถือว่าช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยลงกว่าช่วงวันที่ 15-16 ของรอบโดยต้องนับจากวันแรกของการมีประจำเดือนมา (ถ้ารอบห่างมากกว่านี้ โอกาสก็จะลดลง) แต่ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพราะเป็นช่วงก่อนตกไข่ 5 วัน ( สำหรับรอบประจำเดือน 30 วัน) ซึ่งมีบางรายงานที่พบว่าอสุจิที่อยู่ในช่องคลอดสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในช่วงเวลานั้นค่ะ