กระดานสุขภาพ

ผิวหนังอวัยวะเพศแห้ง แตกตกสะเก็ด
Anonymous

2 พฤศจิกายน 2559 01:47:45 #1

โดยปกติผมเป็นคนชอบออกกำลังมาโดยตลอดประมาณต้นเดือน กันยายน ผมได้ออกกำลังโดยการวิ่งหลังจากวิ่งเสร็จก็จะว่ายน้ำต่อ ทำแบบนี้เกือบทุกวันมีบางวันที่เวลาผมมีเหงื่อเยอะ รู้สึกคันที่ผิวหุ้มอวัยวะเพศเลยเกา เกาแบบนี้ได้2-3วัน เลยสังเกตเห็นหนังหุ้มมีลอยแดง และ แห้งเป็นขุย ด้วยความที่คิดว่าหนังน่าจะแห้งมีเชื้อราธรรมดา ก็เลยใช้ยาdermovate กับ พวกครีมที่ให้ความชุ่มชื่นต่อผิว ทาสลับกัน ปรากฎว่าผิวหนังตรงนี้กับแห้งและบางลง ปัจจุบันผมได้ไปหาหมอโรคผิวหนังคุณหมอได้ให้ยา Physiogel soothingcare a.i cream ทาสำหรับผิวแห้งอาการคันแทบไม่มี แต่ที่กังวลคือ หนังหุ้มอวัยวะเพศยังแห้งแตกจนถึงตอนนี้ตั้งแต่ทายาทุกวันก็3สัปดาห์ แล้วที่ยังไม่หายดี ผิวหนังจะแห้งต่อเมื่อทุกเช้าที่อวัยวะเพศแข็งตัว และเมื่ออ่อนตัวลง ผิวหนังก็จะกลับมาแห้งแตกเป็นขุย จะเป็นแบบนี้ ซ้ำไปซ้ำมาตลอด อยากให้คุณหมอช่วยแนะนำว่าผมต้องทำยังไงครับผมรู้สึกว่าผิวหนังหุ้มอวัยวะเพศในสส่วนที่แห้งกับส่วนที่เป็นปกติผิวมาต่างกันเหมือนในส่วนนร้บางและไม่เหมือนเดิม ผมไม่รุ่จะทำไงเป็นมาเกือบ3เดือนแล้ว ขอความกรุณาคุณหมอช่วยให้คำแนะนำด้วยครับขอบคุณมากครับ
อายุ: 28 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 73 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.39 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Tara*****n

2 พฤศจิกายน 2559 01:51:26 #2

Tara*****n

2 พฤศจิกายน 2559 02:03:57 #3

*เพิ่มเติมผมไม่มีประวัติเที่ยวหรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นนอกจากแฟนครับ ปัจจุนบันอาการคันไม่มีมีแต่ผิวหนังที่แห้งแตกเป็นขุย เป็นมาเดือนกว่าๆแล้วยังไม่หายครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

3 พฤศจิกายน 2559 04:11:07 #4

ถ้าคุณไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์กับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ น้ำยาหรือครีมต่างๆที่ใช้บริเวณนี้ ร่วมกับความอับชื้น จึงอาจมีเชื้อราร่วมด้วย ฝนกรณีของคุณที่เคยทายา dermovate ซึ่งเป็นยาเสตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แรง อาจจะทำให้ผิวหนังบางและหดตัว เสียความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ คงต้องหาหมอผิวหนังเพื่อดูว่ามีเชื้อราหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องใช้ยาทาฆ่าเชื้อรา ส่วนยาเพิ่มความชุ่มชื้น ก็จะทำให้ดีขึ้นได้ชั่วคราว สำหรับการทำความสะอาด แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก โดยใช้ปริมาณที่น้อยๆ ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2-4 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี โดยสรุป คงต้องหาหมอผิวหนังรักษาต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงสารที่จะทำให้แพ้หรือระคายเคือง