กระดานสุขภาพ

ตุ่มแข็งขึ้นในอวัยวะเพศหญิง
Anonymous

19 สิงหาคม 2559 13:37:41 #1

* คุณหมอคะสอบถามค่ะ มีตุ่มแข็ง คล้ายๆเป็นไตเล็กๆ อยู่ด้านในอวัยวะเพศค่ะ ใกล้ๆช่องคลอด 1 เม็ด คล้ายๆสิวแต่ไม่มีหัว เพราะเวลาโดนแล้วปวดเหมือนสิวเลยค่ะ เป็นมาสักพักนึงแล้ว มันคือสิวหรือเปล่าคะ แต่ไม่มีหัว มันจะหายไปเองหรือต้องไปหาหมอคะ 

* มีอีกอย่างจะสอบถามค่ะ ในรอบเดือนนึง ถ้าถึงช่วงไข่ตกแล้ว แต่ไม่เห็นมีมูกใส มีแต่ตกขาว แบบนี้เป็นไปได้ไหมคะ หรือทุกคนต้องมีมูกใสตอนช่วงไข่ตกคะ 

* อีกคำถามค่ะ ถ้าประจำเดือนมาเป็นเลือดสีแดง มาทั้งหมด 7 วันแล้วหมดไป แล้วมีเป็นเลือดสีน้ำตาลออกมานี่ ถือว่าเป็นเลือดประจำเดือนใช่ไหมคะ ไม่ใช่เลือดอย่างอื่น เพราะมา7วันพอดีเลย

 

ขอบคุณมากค่ะ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

23 สิงหาคม 2559 01:34:10 #2

ตุ่มคล้ายๆสิวค่ะคุณหมอ มันจะปวด เวลาโดน ตอนนี้ขึ้นเพิ่มอีกตุ่มค่ะ แต่เล็กกว่าอีกตุ่ม จะเป็นอะไรไหมคะ * ตกขาวมีสีเหลืองอ่อนๆ เป็นอันตรายไหมคะ
Anonymous

23 สิงหาคม 2559 11:34:02 #3

คุณหมอคะ มีตกขาวสีเหลืองอ่อนออกมาอีกแล้วค่ะ มาบ่อยๆเลย ทำยังไงดีคะ กังวลมากเลย เป็นสิวที่ตรงบริเวณช่องคลอดด้วย จะเป็นอะไรไหมคะ 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

1 กันยายน 2559 09:28:40 #4

หมออาจตอบได้คร่าวๆจากการคาดเดานะครับ ซึ่งหากไม่เคยมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนเลย หรือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่การอักเสบบริเวณนี้ มักเกิดจากการอักเสบของต่อมขนหรือต่อมไขมันครับ อาจคล้ายกับหัวสิว อาจหากเองได้ถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำไปครับ และก็ควรดูแลรักษาความสะอาดตามปกติครับ ไม่ให้อับชื้น เป็นต้นครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อนได้ครับ หากอาการไม่ดีขึ้น มีอาการผิดปกติมากขึ้น ก็ควรมาพบแพทย์นะครับ เพราะ โรคในลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้การตรวจรอยโรคครับ

ส่วนเรื่องมูกก่อนตกไข่ หรือ ช่วงกลางรอบเดือนนั้น ไม่จำเป็นต้องเห็นทุกๆคนนะครับ ส่วนตกขาวก็คนละเรื่องกันครับ ในเรื่องของอาการตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ