กระดานสุขภาพ

เครียด ถุงยางแตกครับ
Anonymous

20 มกราคม 2556 17:03:47 #1

คุณหมอครับ ผมได้ไปเที่ยวผู้บริการมาครับ หลังจากเริ่มมีเพศสัมพันธ์ผมได้ทราบว่าถุงยางของผมแตก หลังการการเปลี่ยนท่าครั้งล่าสุดประมาณ 5 นาทีครับ และผมได้หยุดกิจกรรมทั้งหมด และทำความสะอาดอวัยวะเพศของผม หลังจากนั้นผมได้เข้าไปปรึกษาแพทย์ ณ สถานพยาบาลแห่งหนึ่งครับ เพื่อจะขอรับยาต้านไวรัสฉุกเฉิน แต่หลังจากแพทย์ได้ทำการตรวจเลือด และซักประวัติของผม แพทย์ได้บอกผมว่า ผมไม่ต้องรับยา เพราะว่าไม่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากระยะเวลาในการมีเพศสัมพันธ์หลังจากถุงยางแตกนั้นสั้นมากแค่ 5 นาที แพทย์บอกว่า อย่างน้อยต้อง20 นาทีขึ้นไป และผมก็ไม่มีแผลที่อวัยวะเพศ รวมถึงการสัมผัสเลือดอีกด้วยครับ 

แต่ผมยังคงกังวลอยู่ครับ เพราะว่า ผมยังอยู่ในระยะเวลา 3 วันที่จะสามารถรับยาต้านไวรัสฉุกเฉินได้ครับ ผมควรจะไปพบแพทย์อื่นเพื่อขอรับยาไหมครับ หรือผมควรทำอย่างไรดีช่วยแนะนำหน่อยครับ เครียดจริงๆครับ

อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 171ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.23 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

22 มกราคม 2556 05:40:57 #2

การกินยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังสงสัยว่าจะมีการสัมผัสกับเชื้อเอชไอวี หรือที่เรียกว่า post exposure prophylaxis ส่วนใหญ่จะใช้ในบุคคลากรทางการแพทย์ที่โดนเข็มตำ หรือมีดบาดขณะผ่าตัด เย็บแผล โดยที่รู้แน่นอนว่าคนไข้ติดเชื้อ

ในกรณีของการมีเพศสัมพันธ์ ต้องคำนึงถึงโอกาสที่จะติดเชื้อ เช่น

  • เป็นฝ่ายรับทางทวารหนักมีโอกาสติด 50 ใน 10,000 ครั้ง เป็นฝ่ายรุกทางทวารหนัก 6.5 ใน 10,000
  • หญิงเป็นฝ่ายรับทางช่องคลอด 10 ใน 10,000 ครั้ง
  • ชายที่สอดใส่ในช่องคลอดหญิง 5 ใน10,000 ครั้ง
  • ทำออรัลเซ็กส์ 1 ใน 10,000 ถูกทำออรัลเซ็กส์ 0.5 ใน 10,000

ในกรณีของคุณ ไม่ทราบว่าคู่นอนติดเชื้อหรือไม่ ถ้ารู้ว่าติดเชื้อแน่ ก็มีโอกาส 5 ใน 10,000 การกินยาต้องภายใน 72 ชม. แต่จะได้ผลดีเมื่อไม่เกิน 48 ชม. เมื่อรู้ข้อมูลแล้ว คุณต้องเป็นคนตัดสินใจ เพาะการกินยาต้านไวรัสอาจมีผลข้างเคียงได้ ในกรณีที่ตัดสินใจไม่กิน แนะนำตรวจเลือดอีกเมื่อครบ 3 เดือน หรือระหว่างนี้ถ้ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ต้องรีบพบแพทย์ ให้ประวัติเสี่ยง เพราะอาจเป็นช่วงที่เริ่มมีการติดเชื้อ (seroconversion) ซึ่งการให้ยาต้านก็อาจช่วยลดความรุนแรงได้ครับ

 

นพ. อนุพงศ์