กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนขาด2อาทิตย์ รบกวนด้วยคะ
Teer*****_

9 มิถุนายน 2559 06:53:59 #1

เดือนเม.ย.ประจำเดือนมาวันที่26 รอบยาว7วัน หมดวันที่2พ.ค. มีเพศสัมพันธ์กับแฟนช่วงประมาณกลางๆเดือนพ.ค. ประจำเดือนของเดือนพ.คยังไม่มาเลยคะ -ตรวจปัสสาวะแล้วเมื่อวันที่4มิ.ย. ผลคือไม่ท้อง -อยากทราบว่าจะมีโอกาสท้องมั้ยคะ -เพราะมีอาการเวียนหัว ปวดท้องหน่วงๆคะ รบกวนคุณหมอตอบด้วยนะคะ อยากทราบคะจะดูแลตัวเองและลูกไว้แต่เนิ่นๆคะเพราะเคยแท้งคะ
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

15 มิถุนายน 2559 11:12:29 #2

ในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นช่วงที่สามารถตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ แต่การที่ไม่ตั้งครรภ์ไม่ได้หมายความว่าจะผิดปกตินะครับ หากแต่ต้องการมีบุตรแล้วพยายามมีตามธรรมชาติอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ และไม่สามารถมีบุตรได้ใน 1 ปี ถือว่าผิดปกติครับ ควรมาปรึกษาหาสาเหตุครับ

ส่วนอาการของการตั้งครรภ์นั้น จะเริ่มจากประจำเดือนขาดเป็นอย่างแรกเลยนะครับ ซึ่งทางการแพทย์จะนับจากรอบประจำเดือนรอบสุดท้าย ดังนั้น วันที่ประจำเดือนไม่มานั้น ก็จะเป็น 4 สัปดาห์แล้ว ส่วนอาการต่อมานั้น ก็จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ซึ่งจะเร่ิมตอนอายุครรภ์ประมาณ 6-8 สัปดาห์ และ ช่วงนี้อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้นได้เป็นต้นครับ ซึ่งสิ่งสำคัญในช่วงนี้ช่วงที่ต้องการมีบุตรนั้น คือการทานวิตามินโฟเลตครับ

หากตรวจการตั้งครรภ์แล้วปกติดี ลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ