กระดานสุขภาพ

ขอคำแนะนำจากคุณหมอหน่อยคับ
FPK*****K

1 มิถุนายน 2559 17:26:58 #1

ที่ปลายอวัยวะเพศอะคับมีหนองนิดๆ แล้วก็มีผื่นแดงๆ ตามรูปอะคับแต่ว่าไม่มีกลิ่นนะคับ คันบ้าง ตอนนี้เป็นครั้งที่สองอะคับ คือตอนเป็นครั้งแรกผมได้ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลคุณหมอบอกว่าอาจจะเป็นซิฟิลิซ หรืออาจจะเกิดจากแบคทีเรียหมักหมมคับ คุณหมอก็ให้ตรวจซิฟิลิสกับตรวจ HIV คับซึ่งต้องรอผลตรวจ คุณหมอเลยให้ยาที่เอาไว้ใช้ตอนอาบน้ำกับครีมทาแผล Banbact มาคับ พอทาไปสักสองสามวันก็เริ่มหายคับ ผมก็ทาจนหมดหลอด พอผลตรวจออกก็ไม่มีการติดเชื้อทั้งสองอย่างที่ตรวจไปคับ หมอก็เลยบอกว่าอาจจะเกิดจากการหมักหมมเพราะผมไม่ขลิบหนังหุ้มปลาย พออีกประมาณสองเดือนก็เกิดอาการแบบนั้นขึ้นมาอีกรอบคับ ผมเลยอยากจะให้คุณหมอช่วยดูรอยโรคว่าน่าจะเกิดจากอะไรอะคับ เป็นเริมหรือเปล่า เพราะว่าเกิดซ้ำครั้งที่สองเวลาเกิดอาการจะรู้สึกคันๆๆอะคับ แล้วก็จะเป็นตามรูปเลยอะคับ ขอขอบพระคุณคุณหมอที่เข้ามาตอบตอบคับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/FPK-28853.JPG

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 63 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.14 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

2 มิถุนายน 2559 05:01:56 #2

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นแดงๆที่หนังหุ้มและที่บริเวณส่วนหัว คงต้องเริ่มที่ประวัติทางเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่ความเสี่ยงมาก่อนคือ ไม่เที่ยวผู้หญิงหรือเคยแต่ใช้ถุงทุกครั้ง มีคู่นอนคนเดียวและคู่นอนก็ไม่มีความเสี่ยง อาการที่เล่ามาน่าจะมาจากการแพ้ ระคายเคืองต่อสารที่ผสมในสบู่ เจลอาบน้ำ ร่วมกับเชื้อรา แนะนำให้ใช้สบู่อ่อนๆเช่นสบู่เด็ก ห้ามใช้สบู่ยา ล้างทำความสะอาดเบาๆ ซับให้แห้ง ทาด้วยครีมแก้แพ้และฆ่าเชื้อรา เช่น triamcinolone 0.02%+ clotimazole ทาบางๆ เช้าเย็น และก่อนนอน ประมาณ 1-2 อาทิตย์ น่าจะหายครับ ในกรณีที่เป็นๆหายๆคงต้องหาสาเหตุ เช่น แฟนเป็นด้วยหรือไม่ หรือการที่หนังหุ้มปลายยาวเกินไป รูดเปิดได้ไม่สุด หรือรัดเวลาอวัยวะเพศแข็งตัว ก็ควรจะขลิบหนังหุ้มปลาย
สามารถทำได้ตามโรงพยาบาลทั่วไป ฉีดยาชา ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ถ้าไม่มีผลข้างเคียง แผลจะหายใน 1-2 อาทิตย์ จะทำให้รักษาความสะอาดได้ง่าย ไม่เป็นแผลเวลามีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้มีการศึกษาในทวีปแอฟริกาพบว่าการขลิบหนังหุ้มปลายในผู้ชาย สามารถลดการติดเชื้อเอดส์ 40 % เมือเทียบกับชายที่ไม่ได้ขลิบ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการศึกษา ในกรณีที่ถ้าสังเกตุว่าก่อนที่จะเป็นแผลหรือผื่นมีตุ่มน้ำใสๆก่อนร่วมกับมีประวัติเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยาง ก็อาจจะเป็นเริม แต่ถ้าไม่มีตุ่มใสๆ เป็นแผล ก็คงจะเป็นอาการแพ้ร่วมกับเชื้อรา หนังหุ้มปลายยาวและรัด ตามที่ได้ตอบไปแล้วครับ

FPK*****K

2 มิถุนายน 2559 07:29:16 #3

ขอบคุณคุณหมอที่ตอบนะคับ เคยมีเพศสัมพันธ์หลายคนคับแต่มีการป้องกันตลอดคับ มีแค่ครั้งเดียวที่ไม่ใส่แต่ก็แปปเดียวคับคนนี้กับแฟนคับ เวลาจะมีอาการก็จะรู้สึกคันๆอะคับ และก็จะเกิดผื่นแดงๆขึ้นมาคับ จะไม่มีตุ่มน้ำใสๆตามที่คุณหมอบอกนะคับ จากที่ได้ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลครั้งก่อนคุณหมอให้ยาชื่อ Bandback ทีมี Mupirocin Ointment 2% มาคับ ผมก็ใช้จนครบหมด 1 หลอด ก็หายเป็นปกติคับ ยานี้จำเป็นต้องใช้ครบหลอดไหมคับ กลัวเชื้อดื้อยาคับ แต่ยาที่หมอให้มาอีกหนึ่งหลอดผมไม่ได้เอามาคับอยู่ที่หอ เลยไปซื้อยาคนละยี่ห้อแต่มีตัวยาเดียวกันคือ Bactex ที่มี Mupirocin Ointment 2% เหมือนกันคับ ผมอยากทราบว่าใช้ยาตัวนี้ได้หรือไม่คับ คือผมกลัวว่ามันจะเป็นมะเร็งหรือเปล่าคับ

FPK*****K

2 มิถุนายน 2559 07:40:31 #4

มีเพิ่มเติมคับคุณหมอมีตุ่มๆใต้ราวหัวอะคับ ไม่แน่ใจใช่ที่คุณหมอบอกหรือป่าว แต่เวลาเป็นจะเป็นบริเวณที่เป็นตุ่มอะคับ ตามรูปคับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/FPK-28853-2.JPG

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

4 มิถุนายน 2559 07:18:11 #5

ถ้ามีประวัติว่าเคยเป็นมาก่อนและไม่มีความเสี่ยงทางเพศทั้งตัวคุณและแฟน ก็น่าจะเกิดจากการแพ้ยา ลองนึกดูว่าก่อนที่จะเป็นแผล มีซื้อยากินเองหรือไม่ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบหรือยาชุดที่ซื้อตามร้านขายยา ส่วนรูปหลังที่ส่งมา รูปไม่ค่อบชัด แต่เห็นเป็นตุ่มเล็กๆและมีบางตุ่มที่นูนขึ้นมา ลักษณะคล้ายหูดหงอนไก่ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นถ้าไม่มีความเสี่ยง แนะนำหาหมอครับ