กระดานสุขภาพ

มือเปื้อนอสุจิ ท้องมั้ย
Anonymous

24 มกราคม 2559 05:59:24 #1

สวัสดีค่ะคุณหมอ คือหนูอยากทราบว่า หนูมีเพศสัมพันกับแฟนแบบไม่สอดใส่ ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนหนูได้ช่วยตัวเองแล้วมีน้ำอสุจิออกมา หลังจากที่ไหลออก แฟนหนูได้เช็ดแล้วไปล้างน้ำแล้วกลับเช็ดให้แห้ง แล้วแฟนหนูก็เอานิ้วมาถูไถที่อวัยวะเพศและบริเวณปากช่องคลอด คือหลังจากคืนนั้นหนูก็ได้กลับมาหาข้อมูลในเว็บไซต์ บ้างก็ว่า ท้อง บ้างก็ว่า ไม่ท้อง หนูเครียดมากกลัวท้องเลยซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน คืนต่อมาหนูได้ไปคลินิกหาหมอรักษาโรคทั่วไป และได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้หมอฟัง หมอบอกว่า หนูมีสิทธิท้องแต่น้อย เพราะบางทีแฟนหนูอาจจะล้างไม่สะอาดมือยังเปื้อนอสุจิอยู่ และอสุจิสามารถเข้าไปในช่องคลอดได้ หนูเลยเครียดหนักมาก หนูเลยอยากได้คำยืนยันจากหมอซึ่งเป็นหมอสูติโดยตรงค่ะ รบกวนตอบคำถามด้วยน่ะค่ะ 1.ในกรณีที่แฟนหนูล้างมือแล้ว แต่ถ้าสมมติว่ายังไม่สะอาดหนูมีโอกาศท้องมั้ยค่ะ 2.หนูเคยได้ยินมาว่าอสุจิที่โดนน้ำแล้วจะตาย จริงหรือไม่ค่ะ 3.ถ้ามีโอกาศท้องแต่หนูกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว โอกาศจะท้องมีมากน้อยแค่ใหนค่ะ 4.ถ้าไม่มีโอกาศท้อง แต่หนูกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว จะส่งผลอย่างไรบ้างค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าน่ะค่ะ
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.69 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Exve*****e

24 มกราคม 2559 11:11:15 #2

ขออนุญาตคุณหมอตอบเบื้องต้นก่อนนะครับ แต่รอคุณหมอมาตอบอีกทีเพื่อความแน่ใจนะครับ

โดยส่วนใหญ่ถ้าอยู่แค่ภายนอกจะไม่ท้องนะครับ ปกติอสุจิถ้าอยู่ที่อากาศภายนอกไม่ได้อยู่ในช่องคลอด ไม่ถึง 5 นาทีก็ตายหมดแล้วครับ ยาคุมฉุกเฉินปกติจะต้องกินภายใน 24 ชม. จะได้ผลดีที่สุด และไม่ควรกินบ่อยนะครับ ที่สำคัญคราวหน้าควรป้องกันนะครับ ใช้ถุงยางนะ ราคาไม่แพง จะได้ไม้ต้องกังวล ต่อไปต้องรู้จักรักตัวเองมากๆๆๆนะครับ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

14 กุมภาพันธ์ 2559 06:39:20 #3

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ แต่หากทานไปแล้วอาจส่งผลข้างเคียงของยาได้ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ และ ระหว่างนี้ หากยังไม่แน่ใจว่า เลือดที่ออกเกิดจากประจำเดือนหรือเป็นเลือดผิดปกติ ก็ยังไม่ควรทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนไปในช่วงนี้ครับ เพราะจะทำให้สับสนได้มากหากเลือดประจำเดือนผิดปกติหรือไม่มา เช่นในกรณีนี้ ดังนั้น หากในระหว่างนี้ มีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ ส่วนเรื่องยาคุมกำเนิดนั้น หากตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะแล้วปกติหมอแนะนำให้ทานยาคุมกำเนิดโดยเร่ิมแผงใหม่ได้เลยครับ และ ให้สังเกตประจำเดือนอีกครั้ง ซึ่งควรจะมาภายใน 7 วันหลังยาเม็ดสุดท้ายครับ

ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ