กระดานสุขภาพ

รบกวนด้วยค่ะ ปจด.หรือผลข้างเคียงของยา?
Anonymous

10 ธันวาคม 2558 04:07:43 #1

สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูมีเรื่องมาปรึกษาค่ะ หนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558 เวลาประมาณ 22:30 น. หลังจากเสร็จแล้วไปเช็คถุงยางดูค่ะ พบว่าห่วงมันขาดจากถุงค่ะ แต่ถุงยางไม่ได้รั่ว (แฟนใช้แบบบางค่ะของ Okamato 0.03 ) ด้วยความกังวลใจ หนูเลยไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินตอนเวลา 8:56 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ยาคุมฉุกเฉินที่กินคือของ ABCA Norpak ค่ะ หนูกินเม็ดที่สองตอน 20:56 น. ระหว่างที่กินไม่มีอาการอะไรนะคะ พอไปหาข้อมูลมา พบว่า จะมีเลือดออกกระปริกระปรอยภายใน 1 อาทิตย์หลังจากกินยาคุมฉุกเฉิน เมื่อวาน(9 ธันวาคม 2558)หนูมีเลือดออกทางช่องคลอด คิดว่าน่าจะเป็นประจำเดือนค่ะ มาครั้งแรกช่วงเกือบ 15:00 น. ของวัน ลักษณะเป็นลิ่มเลือด ซึ่งตอนนี้มีค่อนข้างเยอะ หนูคิดว่าน่าจะเป็นประจำเดือน วันแรกที่ประจำเดือนมาที่หนูจำได้คือ 14 ตุลาคม 2558 และ 11 พฤศจิกายน 2558 (จำจำนวนวันไม่ได้ค่ะ แต่ไม่เกิน 5 วัน) คือประจำเดือนหนูมาช่วงนี้ หนูเลยสงสัยว่า 1.เลือดที่ออกเป็นเพราะผลของยาคุมฉุกเฉิน เลือดล้างหน้าเด็ก หรือประจำเดือน เพราะจากการดูวันในรอบ 2 เดือน เป็นช่วงที่ประจำเดือนหนูมาด้วยค่ะ แล้วถ้าเป็นของผลยาคุมฉุกเฉิน หนูต้องรอประจำเดือนรอบเดือนธันวานี่วันไหนคะ 2.หนูไม่มีโอกาสท้องแล้วใช่ไหมคะ หรือว่ายังบอกไม่ได้ 3.หนูปวดท้องเรื้อรังมาหลายวันแล้วค่ะ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 7-9 เป็นเพราะผลข้างเคียงรึเปล่าคะ ปวดท้องเหมือนลำไส้มันบีบตัวค่ะ เป็นข้างซ้ายบ่อย หรือว่าเป็นการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน 4.เมื่อวานก่อนมีเลือด หนูปวดท้องมาก(ปวดคนละแบบกับอาการเมื่อ 2-3 วันก่อนนะ รู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นอาการปวดท้องเพราะมีประจำเดือน เพราะมีการหน่วงๆที่ก้น(ไม่รู้จะใช้คำไหนให้สุภาพ ขอโทษด้วยค่ะ)ด้วยค่ะ) ถ้าปกติประจำเดือนมาแล้วปวดท้องหนูชอบกินพอนสแตน2เม็ด แต่เมื่อวานกินไป2เม็ดก็ไม่หาย อาการปวดท้องแบบนี้ใช่ผลข้างเคียงของยาไหมคะ เช่นอาจจะทำให้ปวดท้องมากขึ้น มดลูกบีบตัวมากขึ้น หรือว่าเป็นอาการของการมีประจำเดือนปกติ คือว่าหนูพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก(แล้วก็พลาดครั้งแรกด้วย)เลยไม่ได้หาข้อมูลมาอย่างถี่ถ้วนเท่าไหร่ และหนูไปหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาเพิ่มแต่ยังไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการ รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.44 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

23 ธันวาคม 2558 15:43:30 #2

หมอขอตอบเป็นประเด็น ดังนี้ครับ

1. หากในการมีเพศสัมพันธ์นั้นใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีปัญหา ขาด รั่ว หรือ ปริแตก การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งการทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ได้ครับ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้ยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ ซึ่งหากตรวจออกมาแล้วปกติ ไม่ตั้งครรภ์ เรื่องประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป หรือ ประจำเดือนไม่มา ขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

2. เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ

3. คำว่า เลือดล้างหน้าเด็กนั้น (Implantation bleeding) ในทางการแพทย์คือ เลือดที่ออกจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฎิสนธิของอสุจิและไข่ บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ในช่วงหลังตกไข่ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หลังประจำเดือนรอบสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นเลือดออกจางๆ ปริมาณเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดปกติอะไรครับ แต่ปัญหาอาจทำให้สับสนว่า เป็นเลือดประจำเดือนที่มาผิดปกติหรือไม่ ซึ่งการแยกอาจดูจากลักษณเลือดออก หรือ อาจตรวจปัสสวะในช่วงวันที่ประจำเดือนขาดไปประมาณข่วง 4 สัปดาห์หลังประจำเดือนรอบสุดท้าย หากเป็นผลบวกหรือตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็น เลือดล้างหน้าเด็กครับ แต่จากประวัติทั้งหมด หมอคิดว่า เกิดจากผลของยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับ

4. ในเรื่องอาการปวดประจำเดือนนั้น โดยปกติแล้วอาการปวดนี้จะมีได้อยู่แล้วในผู้หญิงทุกคนในทุกๆรอบเดือนครับ แต่อาการนี้จะไม่ปวดมาจนทำให้ทำงานหรือดำเนิดชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ย่ิงหากเดิมไม่เคยปวดเช่นนี้มาก่อน และ หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ประจำเดือนมามากทั้งปริมาณและจำนวนวันหากเทียบจากเดิมที่เคยเป็น หรือมีอาการ กะปริดประปรอย อ่อนเพลีย หรือ ใช้ยาแก้ปวดมาก ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุก่อนครับ