กระดานสุขภาพ

เป็นเริ่มที่อวัยวะเพศชาย ขอคำปรึกษา
KUKO*****A

17 ตุลาคม 2558 05:37:21 #1

เป็นเริมบ่อยมาก ประมาณ1-2เดือนครั้ง พอเป็นก็ไปหาหมอให้ยามากินก็หาย หลังจากที่หายผมก็ไปมีเพศสัมพันธุต่อ (กับภรรยา) และก็ทิ้งช่วงประมา10วันก็เป็นอีก -หายแล้วสามารถมีเพศสัมพันได้ตามปกติ รึป่าวครับ แล้วคู่นอนจะติดรึป่าวครับ -หลังจากที่หายแล้วพอไปมีเพศสัมพันธ์ มันถึงกลับมาเป็นอีก
อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.49 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

20 ตุลาคม 2558 04:42:35 #2

เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล ในกรณีของคุณที่เป็นบ่อย หลังการร่วมเพศ ซึ่งอาจจะมีการเสียดสี กระตุ้นให้เป็นใหม่ อาจจะกินยาเพื่อกดไม่ไห้เป็นบ่อย คือกินยา acyclovir ครั้งละ 400 มิลลิกรัม เช้าเย็น โดยกินทุกวันต่อเนื่องประมาณ 1 ปี พยว่าคนที่เคยเป็นบ่อย 8-12 ครั้งต่อปี ก็จะลดเหลือ 3-4 ครั้งต่อปี แนะนำหาแพทย์เพื่อปรึกษาและวิธิการรักษาที่ถูกต้องครับ