กระดานสุขภาพ

รบกวนคุณหมอด้วยครับ ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ
Korn*****t

17 สิงหาคม 2558 18:50:22 #1

ผมมีอะไรกับแฟนวันที่ 28 มิย แฟนผมกินยาคุมฉุกเฉินวันที่ 30 มิย จากนั้นประจำเดือนมาวันที่ 5-9 กค.ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นประจำเดือนหรือผลจากยาโดยจะมีปริมาณมากในวันแรกๆ (ปกติประจำเดือนของแฟนจะมาช่วงต้นเดือนคือวันที่ 3,4 ไม่ก้ 5 ซึ่งของรอบเดือน มิย ได้มาไปแล้ววันที่ 3-8 มิย.) จากนั้นประจำเดือนก้มาอีกทีในวันที่ 5-10 สค. ผมอยากรู้ว่าวันที่ 5-10 สค คือประจำเดือนชัวๆใช่มั้ยครับ ?  และแฟนผมยังมีโอกาสท้องมั้ยครับ ? และมีโอกาสท้องนอกมดลูกมั้ย ? อีกอย่างผมยังต้องกังวลมั้ยครับ ? ขอบคุณคุณหมอทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ 

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 169ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.91 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Korn*****t

17 สิงหาคม 2558 19:02:11 #2

ผมลืมบอกว่าผมป้องกันด้วยถุงยางแล้วครับ แต่แฟนผมกลัวเลยกินยาคุมฉุกเฉิน รบกวนคุณหมอตอบด้วยนะครับ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

23 สิงหาคม 2558 14:48:00 #3

หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินซ้ำไปอีกนะครับ แต่หากทานไปแล้วก็ไม่เป็นไรครับ แต่จะมีผลข้างเคียงได้ เนื่องจากในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ ดังนั้น หมอคิดว่า เลือดที่ออกผิดปกตินั้น เป็นผลจากเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับ แต่หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ หรือ กะปริดกะปรอยมากก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ส่ิงที่หมอฝากได้คือ การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครัน ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ