กระดานสุขภาพ

กินยาทุกครั้งที่เป็นเริม จะดื้อยามั้ยครับ
Anonymous

3 กรกฎาคม 2558 07:26:21 #1

รบกวนคุณหมอที่เคารพช่วยตอบด้วยน่ะครับ คือผมเป็นเริมมาปีที่แล้วตอนเดือน กันยายน ก็ไปหาหมอ แล้วมาเปนเริมอีกทีเมื่อเดือน เมษายน แล้วต่อมาก็มิถุนา ซึ่ง2ครั้งที่ผ่านมาผมพยายามไม่กินยา แผลแตกเหมือนจะดีขึ้น พอครบ1อาทิตย์มันก็จะขึ้นอีกจนผมต้องกินยาถึงจะหาย จนวันนี้มันมาอีกแล้ว ผมเลยอยากถามคุณหมอว่าผมควรรอให้มันหายเอง หรือ กินยาเลยทันที ผมเป็นคนช่วยตัวเองทุกวัน ผมจะพยายามลดครับ ขอบคุณครับ
อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 66 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.37 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

5 กรกฎาคม 2558 04:52:08 #2

เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการดื้อยาของเขื้อเริมต่อยาในกบุ่ม acyclovir นั้น พบได้น้อยมาก อาจจะพบในรายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและใช้ต่อเนื่องคือกินทุกวันเป็นระยะเวลานานเป็นหลายๆเดือนหรือเป็นปี ในกรณีของคุณ กินยาตามอาการที่เป็นไม่ได้กินต่อเนื่อง ก็ไม่น่าจะเกิดการดื้อยา โดยปกติ จะเป็นประมาณปีละ 4- 10 ครั้ง ถ้าคุณเป็นทุกอาทิตย์ ก็อาจจะไม่ใช่เริม หรืออาจมีภูมิต้านทานต่ำ ถ้าไม่แน่ใจ ให้ถ่ายรูปชัดๆบริเวณที่เป็นมาเพิ่มเติม สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล

Anonymous

5 กรกฎาคม 2558 07:41:31 #3

ไม่ได้เป็นทุกอาทิตย์ครับ แต่ถ้าไอตุ่มน้ำใสมันขึ้น พอมันแตก แล้วเหมือนจะแห้ง มันก็จะขึ้นอีกตรงบริเวณใกล้เคียงครับ พอกินยา vilerm ก็จะหาย ผมเลยสงสัยว่าเพราะอ่ะไรอ่ะครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

6 กรกฎาคม 2558 09:48:02 #4

จากประวัติ ก็อาจจะเป็นเริม ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอเชี่ยวชาญทางกามโรค หรือถ่ายรูปตอนที่เริ่มเป็นตุ่มใส ตอนที่เป็นแผล และตอนที่ใกล้หายมาให้ดู ก็อาจจะตอบได้