เรียน คุณ 81a1a,

ขอแยกตอบเป็น 2 ประเด็นนะครับ

1. สามารถเริ่มรับประทานยาได้ เมื่อครบกำหนดนัดฉีดยาครั้งต่อไป หรือช้าสุดไม่เกิน 15 สัปดาห์หลังจากฉีดยาครั้งล่าสุด จากที่คุณให้ข้อมูลมา คือสามารถเริ่มยาได้ในวันที่ 2 กันยายน

2. การปรับเปลี่ยนจากยาฉีดคุมกำเนิดมาเป็นชนิดฮอร์โมนรวมนั้น ควรมีการตรวจร่างกายและปรึกษาแพทย์ เพื่อดูว่ามีข้อห้ามใช้หรือไม่ เช่น

- โรคไมเกรนชนิดรุนแรง ที่ไม่สามารถควบคุมได้

- โรคหลอดเลือดดำอักเสบ เช่น ที่ขา (เส้นเลือดขอดรุนแรง)

- โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ

- โรคมะเร็งเต้านมหรือเนื่อเยื่อที่เกี่ยวกับฮอร์โมนเพศ

- โรคตับชนิดรุนแรง ดีซ่าน

- ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เช่น ที่แขนขา หรือหัวใจ สมอง หรือมีข้อคววระวังพิเศษ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง อ้วนมาก เป็นต้น โดยแพทย์จะพิจารณาคัดเลือกยาชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนเพศเหมาะสมกับลักษณะรูปร่าง รูปแบบการมีประจำเดือน เช่น

- หากมีรูปร่างลักษณะอกเอวชัดเจน ผิวค่อนข้างแห้ง รูขุมขนค่อนข้างเล็ก ขนไม่ค่อยดก ประจำเดือนมาจำนวนวันมาก (5-7 วัน) ปริมาณค่อนข้างเยอะ (ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยหลายครั้งต่อวัน) แบบนี้เข้าได้กับผู้ที่มีปริมาณเอสโตรเจนเด่นชัด ดังนั้นแพทย์จะเลือกยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณโปรเจสตินค่อนข้างเด่น เพื่อใ้หสมดุลกับปริมาณฮอร์โมนเพศในร่างกาย

- หากมีรูปร่างลักษณะค่อนข้างตรง อกเอวไม่ค่อยชัดเจน หน้ามัน เป็นสิวง่าย ขนดก ประจำเดือนมาปริมาณน้อย หรือมาน้อยวัน แบบนี้จะเข้ากันกับผู้ที่มีปริมาณโปรเจสตินสูง แพทย์จะเลือกยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจนเด่นชัด เพื่อให้สมดุลกับฮอร์โมนเพศในร่างกาย

ดังนั้นเมื่อไปพบแพทย์ครั้งถัดไป สามารถสอบถามได้จากแพทย์ที่ทำการตรวจรักษา พร้อมแจ้งเหตุผลให้ท่านทราบ จะได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับคุณต่อไป

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์