กระดานสุขภาพ

ตรวจการตั้งครรภ์
Anonymous

18 พฤษภาคม 2558 08:38:30 #1

คือดิฉันมีเพศสัมพันวันที่10พฤษภาแล้วประจำเดือนมาวันที่12ตอนเย็นแต่มีน้อยและจางพอกลางคืนก็มีเยอะและอีกสองวันต่อมาก็มาและหมดไปตามประจำเดือนปกติแต่ดิฉันมีอาการคลื่นไส้ เวียนหัวตลอดเลยจะไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลหาค่าhcg ถ้าผลออกมาว่าไม่ท้องดิฉันมั่นใจได้ไหมคะว่าไม่ท้องชัวร์ๆ
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.88 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

18 พฤษภาคม 2558 14:27:01 #2

ถึง คุณ a03b6

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ a03b6 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ และหากครั้งต่อไปคุณ a03b6 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

Anonymous

19 พฤษภาคม 2558 00:33:37 #3

เพิ่มเติมนะคะมีอาการเครียดมาก ง่วงนอนบ่อย และปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสียด้วยค่ะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

19 พฤษภาคม 2558 14:24:10 #4

หากประวัติมีประจำเดือนคล้ายตามรอบปกติ และ มาใช่ช่วงปกติ ก็ไม่น่าเป็นเหตุผลที่ต้องตรวจการตั้งครรภ์นะครับ ซึ่งหากจะตั้งครรภ์ประจำเดือนก็ควรจะขาดไปครับ และการตรวจการตั้งครรภ์นั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์จากวันที่ควรจะมา หรือ ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้ ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น เป็นการตรวจฮอร์โมน hCG ที่มีอยู่ในร่างกายที่ขับออกทางปัสสาวะครับ ซึ่งจะตรวจพบได้เร็วมาก คือ มีความแม่นยำสูงและไวมาก และ จะไม่ต่างกับการตรวจระดับในเลือดครับ ซึ่งการตรวจในเลือดจะมีประโยชน์ในบางกรณีเช่น ช่วยวินิฉัยภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก ช่วยวินิฉัยภาวะแท้งค้าง และ ประเมินการตั้งครรภ์ในการทำเด็กหลอดแก้วเป็นต้นครับ ดังนั้น การตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะก็เพียงพอที่จะวินิจฉัยการตั้งครรภ์ได้แล้วครับ ส่วนอาการคลื่นไส้ อาเจียนนั้น เป็นอาการที่มีสาเหตุได้มากมายครับ ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการตั้งครรภ์เสมอไปนะครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ