กระดานสุขภาพ

กังวลน้ำหล่อลื่นครับ
Anonymous

18 มีนาคม 2558 14:17:03 #1

หมอครับ แฟนผมประจำเดือนมาวันที่ 24 ก.พ. 58 ครับ หมดวันที่ 5 มี.ค. 58 ครับ รอบเดือนประมาณ 32-35 วันครับ ไม่ตรง ผมมีอะไรกันวันที่ 9 มี.ค. 58 ครับ ช่วงแรกผมก็เล้าโลมโดยไม่ได้ยุ่งกับน้องของเธอเลยครับ เล้าโลมจนผมมีน้ำหล่อลื่น จากนั้นผมก็เอานิ้วไปโดนน้ำหล่อลื่นของผมครับ แล้วผมเช็ดออก แต่ไม่แน่ใจว่าหมดไหม แต่แห้งๆ แค่นิ้วเดียวครับที่โดน แล้วไปจับเม็ดคริตอริสที่น้องของเธอ แล้วก็เอาออกเลยครับ จะมีอสุจิติดมั้ยครับ TT จากนั้นผมใส่ถุงยางอนามัย แล้วสอดใส่จนสุด เข้าๆออกๆกันอยู่สักพักครับ แล้วก็เอาออก ผมมาช่วยตัวเองต่อ ในห้องน้ำ จนหลั่งครับ ตอนที่เข้าของแฟน ไม่ได้หลั่งครับ เช็คถุงยางแล้วไม่มีการรั่ว หรือขาดครับ ผมอยากทราบว่า อสุจิ จะติดจากน้ำหล่อลื่นของผม แล้วเข้าไปพร้อมกับการสอดไส่ไหมครับ จะมีโอกาสท้องไหมครับ เครียดมากเลย กลัวประจำเดือนไม่มา TT ตอนที่สอดใส่นั้น ถุงยางอนามัยใส่ถูกต้องครับ และหลั่งนอกด้วยครับ

อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.00 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

20 มีนาคม 2558 04:49:14 #2

หมอครับ ตอนนี้มีอาการตกขาวครับ ซึ่งวันนี้มีมากครับ ลักษณะ ใส เหนียว และช่วงก่อนหน้านี้ 3 - 4 วัน เช็ครอบเดือนดูคาดว่าจะเป็นวันที่ตกไข่ครับ ตกขาวนี้ เกี่ยวกับการตกไข่ไหมครับ กังวลมากครับ tt แล้วตกขาวกับการตั้งครรภ์ มีไหมครับ tt

 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

21 มีนาคม 2558 03:44:05 #3

ในเรื่องของตกขาวนั้น เบื้องต้นแล้ว ตกขาวที่อาจมีได้ช่วงนี้ ก็เป็นผลจากฮอร์โมนที่สูงขึ้นหลังจากไข่ ซึ่งจะอยู่ในช่วงกลางรอบเดือนครับ และสามารถพบสารคัดหลั่งนี้มากขึ้นจนถึงช่วงใกล้ๆมีประจำเดือนได้ครับ แต่จะไม่มีอาการผิดปกติ เช่น คัน กลิ่นเหม็น หรือ เลือดปนครับ ซึ่งไม่ผิดปกตินะครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้สังเกตุอาการไปก่อน แต่หากหากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ และ หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ ดังนัน โดยสรุปแล้ว หมอคิดว่า จากกรณีที่กล่าวมา ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ

สุดท้าย การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครัน ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

31 มีนาคม 2558 04:30:36 #4

หมอครับ วันนี้ ยังไม่มาเลยครับ ช้ากว่าปกติ 1 วันแล้วครับ TT แต่มีอาการตกขาวทุกวันครับ วันละน้อยๆ และก็คัดตึงเต้านมครับ สิวขึ้นนิดหน่อยครับ จะเป็นอาการของการตั้งครรภ์ไหมครับ? TT

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

8 เมษายน 2558 15:56:13 #5

อาการต่างๆนี้เป็นผลจากฮอร์โมนก่อนรอบประจำเดือนได้ครับ ให้สังเกตุอาการเรื่องประจำเดือนและตกขาวก่อนนะครับ